

- การรถไฟฯ แถลงต้าน นำเอกชนร่วมทุน PPP เดินรถไฟฟ้าสายสีแดง
- ยืนยันแอร์พอร์ตลิงค์มีความพร้อมศักยภาพเข้ามาเดินรถเอง
- ฟันธง! เอกชนบริหารทำค่าโดยสารแพง-ขอโอกาสบริหารโครงการก่อน 5 ปี ถ้าเจ๊งพร้อมถอย !
นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังแถลงข่าวพร้อมสมาชิกสหภาพฯ และผู้บริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ยืนยันถึงจุดยืนในการคัดค้านแนวทาง ที่จะมีการนำเอกชนเข้ามาร่วมทุนแบบ PPP โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง รังสิต-บางซื่อ-ตลิ่งชันว่า ขอให้กระทรวงคมนาคม ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เดิม ที่ให้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้บริหารเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ในปัจจุบัน เป็นผู้บริหารงานเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงดังกล่าว เนื่องจากมีการอบรมเตรียมความพร้อมของบุคลากรไว้แล้ว
ทั้งนี้มองว่าหากมีการนำเอกชนเข้ามาบริหารเดินรถสายสีแดง อีกหนึ่งเส้นทาง ก็จะเสมือนการกินรวบให้เอกชนชุบมือเปิบ เข้ามาตักตวงผลประโยชน์ ในช่วงที่โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จเตรียมเปิดให้บริการแล้ว รวมทั้งที่ผ่านมามีผลศึกษาชัดเจนว่า ค่าบริการรถไฟฟ้าของไทย ที่มีเอกชนบริหารการเดินรถ เป็นค่ารถไฟฟ้าที่สูงที่สุดในโลก และมีตัวอย่างให้เห็นว่า ในช่วงที่ผ่านมาเมื่อรัฐบาลเจรจาขอให้ผู้ประกอบการ ลดค่าโดยสารเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายเดินทางให้แก่ประชาชน ก็ทำได้ยากมาก
“การเจรจารอบที่แล้วเพื่อลดราคาค่ารถไฟฟ้า มีแต่เพียงรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ เท่านั้น ที่ลดราคาได้จาก 45 บาทลงเหลือ 25 บาท ส่วนเอกชนรายอื่น อิดออดไม่ยอมลดราคาค่าโดยสาร ทำให้เห็นชัดเจนว่าภาครัฐจำเป็นต้องมีระบบรถไฟฟ้า ที่บริหารงานเอง ไม่เช่นนั้นเอกชนก็จะกินรวบ การบริหารเดินรถไฟฟ้าและรถไฟระบบต่างๆทั่วประเทศ ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าโดยสารแพงเหมือนเดิมอีก” นายสาวิทย์กล่าว
ส่วนคำถามว่าที่ผ่านมา การบริหารงานของการรถไฟฯ ที่ประสบผลขาดทุนมากทำให้ประชาชนมีความวิตก หาก การรถไฟฯ หรือบริษัทลูกของการรถไฟ เข้ามาบริหารรถไฟฟ้าสายสีแดงจะทำให้ เกิดปัญหาการขาดทุนซ้ำขึ้นอีกนั้น นายสาวิทย์กล่าวว่า เรื่องนี้อยากให้ไปทบทวนดูว่าการขาดทุนของการรถไฟฯ มาจากภาระการคิดราคาค่าโดยสารต่ำกว่าต้นทุนเพื่อดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเข้าถึงบริการ และเมื่อมีผลขาดทุนสะสม ก็ต้องมีการจัดหาเงินกู้มาจ่ายดอกเบี้ย ทำให้เป็นยอดขาดทุนสะสมจำนวนมาก อย่างไรก็ตามแนวทางของสหภาพฯเห็นว่า การที่หน่วยงานภาครัฐหากจะประสบผลขาดทุนเพื่อดูแลผลประโยชน์และการเข้าถึงบริการของประชาชน ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เพียงแต่ขอให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ ไม่เป็นต้นเหตุของการขาดทุน
ทั้งนี้นายสาวิทย์กล่าวย้ำว่าในการบริหารเดินรถสายสีแดงนั้น ภาครัฐควรเปิดโอกาสให้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด บริหารการเดินรถก่อน 5 ปี โดยในช่วงเวลาดังกล่าว หากยังเกิดผลขาดทุนขึ้นอีกในส่วนนี้ทั้งสหภาพฯ และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ก็พร้อมถอนตัวออกไป
นอกจากนี้ ประธานสหภาพแรงงานฯ รฟท.ระบุด้วยว่าปัจจุบันได้รับการประสานจากกระทรวงคมนาคมแล้วว่า พร้อมจะกลับไปใช้แนวทางตามมติ คนร.เดิม โดยมีการให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนในประเด็นดังกล่าวแล้ว ก็ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นในระดับหนึ่ง ดังนั้นหลังจากนี้ทางสหภาพฯจะมีการประชุมคณะทำงาน เพื่อติดตามการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับสายสีแดงต่อไป ส่วนประเด็นเรื่องความล่าช้าของโครงการนั้น จากข้อมูลพบว่างานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงนั้นมีความล่าช้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยโครงการจะยังสามารถเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2564 ไม่มีการเลื่อนเปิดโครงการไปเป็นปี 2566 แต่อย่างใด
ด้านนายชิตพล พรหมดนตรี ประธานสหภาพแรงงานฯ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (สร.รฟฟ. ) กล่าวว่าที่ผ่านมา บริษัทฯได้มีการเตรียมความพร้อมฝึกอบรมพนักงานเพื่อเข้ารับผิดชอบการบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงไว้แล้ว แต่ต้นปีที่ผ่านมาต้องชะลอการฝึกอบรมออกไป หลังมีสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ก็ยืนยันว่าเมื่อรถไฟฟ้าสายสีแดงเปิดให้บริการ บุคลากรของบริษัทจะมีความพร้อมแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีกระแสข่าวว่าจะมีการดึงเอกชน ร่วมทุนเดินรถแบบ PPP ก็ทำให้เกิดความไม่แน่นอน ในการที่จะเข้าบริหารโครงการขึ้น และอาจเกิดปัญหาสมองไหลออกจากองค์กรของบริษัทฯ ไปสู่ภาคเอกชนที่ทำธุรกิจเดินรถไฟฟ้าได้