รุมกินโต๊ะอดีตผู้อำนวยการกฎหมาย “อคส.”

.เจ้าตัวตั้งโต๊ะแถลงข่าวร้องขอความเป็นธรรม

.หลังสะสางคดีค้างเก่า-ส่งฟ้องคดีใหม่ในองค์กร

.แต่ถูกคนเสียประโยชน์ร้องเรียนจนถูกตั้งกรรมการสอบ

ว่าที่ร้อยตรีพีรศักดิ์ เตชพิพิธมงคล นักบริหาร 9 อดีตผู้อำนวยการสำนักนิติการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง กรณีที่ตน ในขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักนิติการ ตั้งแต่เดือนม.ค.64 และรื้อฟื้นคดีทุจริตค้างเก่าของอคสจำนวนมาก ตั้งแต่โครงการรับจำนำข้าว โครงการปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุง (ข้าวถูกใจ) รวมถึงคดีทุจริตใหม่ อย่างโครงการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง โครงการจัดซื้อทุเรียน ข้าวโพด ฯลฯ จนส่งผลให้คดีมีความคืบหน้าอย่างมาก และสามารถฟ้องร้องคดี และผู้เกี่ยวข้องได้เพิ่มขึ้นมาก ยังประโยชน์ให้รัฐ

แต่กรณีนี้กลับทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีเหล่านี้  ทำหนังสือร้องเรียนตนมายังนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส.ว่า ตนเป็นบุคคลที่ถูกฟ้องร้อง ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักนิติการ และต้องการให้ออกจากตำแหน่ง เพราะถูกบริษัทเอกชน 2 รายแจ้งความผิดในฐานฉ้อโกง ที่สน.ทุ่งสองห้อง นำมาซึ่งการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 65 และล่าสุด คณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.65 ทั้งๆ ที่ความผิดของตนไม่ถึงขั้นผิดวินัยร้ายแรง 

สำหรับผลการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สรุปว่า ตนไม่ได้ฉ้อโกงบริษัท 2 ราย แต่เป็นการได้รับผลตอบแทนจากการทำงานให้ เพราะตั้งแต่ปี 62 ตนเป็นทนายรับทำคดีให้กับผู้ค้ามันสำปะหลัง 2 ราย ซึ่งเป็นคู่สัญญาของ อคส. และได้จ่ายค่าจ้างให้กับตน แต่คณะกรรมการฯมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ตนได้ส่งเอกสารภายในของอคส.ไปให้เอกชนลูกความ ถือเป็นการไม่รักษาความลับของอคส. จึงเห็นควรให้สอบข้อเท็จจริงทางวินัย และผลการสอบวินัยได้ข้อสรุปว่า ตนมีความผิดฐานไม่รักษาความลับของอคส.และรายการ เห็นควรให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง 

“ผมได้ทำหนังสือค้านไปแล้วว่า ผลการสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เป็นผลการสอบที่ไม่ชอบ เพราะ 1 ใน คณะกรรมการสอบ พ้นสภาพการเป็นบอร์ดอคส.ไปแล้ว ทำให้ผลการสอบไม่ชอบ และผู้อำนวยการอคส.ไม่มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง เพิ่งส่งให้ผู้อำนวยการอคส.วันที่ 26 ธ.ค.65 ซึ่งผู้อำนวยการ จะมีเวลาพิจารณาคำคัดค้าน และทำหนังสือตอบกลับมาผมภายใน 30 วัน” 

ว่าที่ร้อยตรีพีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า เป็นที่น่าแปลกใจว่า อคส.มีคดีทุจริตมากมาย คิดเป็นความเสียหายให้กับรัฐจำนวนมหาศาล เหตุใดไม่เร่งรีบดำเนินการ แต่กลับมาตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องของตนเอง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับอคส.เลย และที่สำคัญ ปัจจุบันงานสืบสวนสอบสวนคดีเกี่ยวกับโครงการของรัฐหยุดชะงัก แม้แต่คดีทุจริตถุงมือยางยังไม่มีความคืบหน้า ดังนั้น จึงต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ  จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ตั้งคณะกรรมการเอ็กซ์เรย์ อคส. เหมือนกรณีทุจริตคลองด่าน ซึ่งตนพร้อมเครื่องมือในการปราบทุจริตให้ด้วย 

“แม้ผมจะถูกกระทำ ก็จะสู้ ถ้าสู้ไม่ไหวก็จะไปรับจ้างทำมาหากินเลี้ยงตัวเองต่อไป เพราะผมทำงานไม่มีการทุจริต ทำงานโดยสุจริตมาโดยตลอด ไม่มีผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง และพร้อมจะสู้ แม้จะสู้ไม่ไหว ก็จะสู้แบบมวยวัด และผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง หากสุดท้ายตัวเองต้องกลับมาทำงานให้ อคส. ก็ยังพร้อมที่จะทำหน้าที่ให้สมกับเป็นข้าของแผ่นดิน เพื่อตอบแทนแผ่นดินต่อไป”