“ราเมศ” ย้ำ บัตร 2 ใบ ประชาชนเลือกได้ทั้งคนทั้งพรรค

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการกล่าวถึงเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า การประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 24 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ เชื่อว่า จะไม่มีปัญหาในเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ การยื่นญัตติของพรรคก้าวไกลที่ให้มีการตีความข้อบังคับการประชุมข้อที่ 124 ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ตามข้อบังคับ แต่เรื่องดังกล่าวการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่ .. พ.ศ. …. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) ได้พิจารณาดำเนินการตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว

ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มีหลักการและเหตุผลเป็นเรื่องการแก้เรื่องระบบการเลือกตั้ง เมื่อร่างดังกล่าว สมาชิกรัฐสภามีมติรับหลักการในวาระที่หนึ่ง และเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่สองในชั้นคณะกรรมาธิการ ก็ต้องมีการพิจารณาให้มีความละเอียดรอบคอบ หากมีมาตราใดที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือกตั้ง หากต้องการปรับแก้ในมาตราใดข้อความใดเพื่อให้สอดคล้องต้องกันกับหลักการและเหตุผลในส่วนของระบบเลือกตั้งก็สามารถทำได้

ซึ่งข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา ข้อที่ 124 ได้ระบุไว้ชัดว่า การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในชั้นคณะกรรมาธิการสมาชิกรัฐสภาสามารถที่จะแปรญัตติได้และในวรรคที่สามก็ได้ระบุไว้ชัดอีกว่า การแปรญัตติเพิ่มมาตราขึ้นใหม่หรือตัดทอนหรือแก้ไขมาตราเดิมต้องไม่ขัดกับหลักการแห่งร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีเจตนารมณ์ว่าสมาชิกสามารถดำเนินการได้

ส่วนข้อบังคับ ก็เป็นหลักการที่สำคัญในการให้สมาชิกรัฐสภาได้ตรวจตราในมาตราอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับหลักการได้ด้วย เพื่อให้รัฐธรรมนูญเมื่อแก้ไขแล้วสามารถบังคับใช้ได้โดยไม่ขัดหรือแย้งกัน แต่จะไปแก้ในมาตราอื่นๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลักการและเหตุผลก็ไม่สามารถทำได้ ประเด็นดังกล่าวนี้มีแนวทางของกฤษฎีกาและฝ่ายกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานนิติบัญญัติ รวมถึงกรรมาธิการที่ยกร่างข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภาได้ให้ความเห็นไว้ชัดเจนถึงเจตนารมณ์ว่าสามารถดำเนินการได้
ส่วนรายละเอียดของการแก้ไขนั้น เชื่อว่า ตรงตามความต้องการของประชาชนที่ได้กำหนดให้มีกระบวนการเลือกตั้งที่ใช้บัตร 2 ใบ ประชาชนชอบผู้สมัครในเขตเลือกตั้งคนใดก็เลือกคนนั้น และหากชื่นชอบพรรคการเมืองใดก็สามารถเลือก

พรรคการเมืองอีกบัตรหนึ่งได้ ก็จะตรงตามเจตนารมณ์ของประชาชนมากกว่า ไม่อยากให้มองว่าพรรคใดได้เปรียบเสียเปรียบ หากเป็นสิ่งที่ดีตรงตามความต้องการของประชาชนย่อมเป็นจุดตั้งต้นที่ดี ส่วนวิธีการในการคำนวณคะแนนก็จะมีการแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งต่อไป