ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงกว่า 5% หลังซาอุดิอาระเบียประกาศการผลิตจะกลับคืนสู่ภาวะปกติในสิ้นเดือนกันยายนนี้

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า หลังการประกาศของรัฐบาลซาอุดิอาระเบียที่จะกลับมาผลิตได้ตามปกติภายในสิ้นเดือนกันยายน ศกนี้ ทำให้ราคาน้ำมันเมื่อวันอังคาร(17 กันยายน ) ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วกว่า 5% หลังจากที่ราคาน้ำมันดีดตัวกลับมาสูงสุดในรอบสี่เดือนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(16 กันยายน) หลังการโจมตีแหล่งน้ำมันในประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อคืนวันเสาร์ (14 กันยายน) จนทำให้กำลังการผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบียหายไป 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 5% ของกำลังการผลิตน้ำมันของโลก

เจ้าชายอับดุลลาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยในวันอังคาร(17ก.ย.) ว่ากำลังผลิตน้ำมันของประเทศจะกลับคืนสู่ภาวะปกติในช่วงสิ้นเดือน หลังสามารถฟื้นฟูกำลังผลิตที่โรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งซึ่งถูกโจมตีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แล้ว 50%

พร้อมกันนั้นทาง เจ้าชายอับดุลลาซิซ บิน ซัลมาน ซึ่งทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีพลังงานเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ยังเผยด้วยว่าผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้ ได้ปล่อยคลังสำรองทางยุทธศาสตร์เพื่อคงระดับอุปทานให้เพียงพอต่อบรรดาลูกค้า

“เรามีข่าวดีสำหรับทุกคนว่า กำลังผลิตน้ำมันสู่ตลาดนานาชาติจะกลับสู่ระดับที่มันอยู่ก่อนเหตุโจมตี” พระองค์กล่าว “ความเสียหายในช่วงระหว่าง 2 วันที่ผ่านมาถูกจำกัดวงแล้วและสามารถฟื้นฟูกำลังผลิตได้แล้ว 50% และกำลังผลิตจะกลับสู่ภาวะปกติในช่วงสิ้นเดือนกันยายน”

หลังการประกาศดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าผลผลิตของซาอุดิอาระเบียจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้หลังจากการโจมตีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในเวลาเดียวกันหุ้นทั่วโลกทรงตัว เนื่องจากนักลงทุนรอการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายการเงินที่เริ่มประชุมเมื่อวันที่ 17 ต่อเนื่องมาถึงวันที่ 18 กันยายน รวมถึงการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะประกาศออกมาภายหลังการประชุม

ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง

เมื่อไม่กี่นาทีในช่วงบ่ายของการซื้อ-ขายน้ำมันในตลาดยุโรปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ปรากฏว่า ราคาน้ำมันดิบทะเลเหนือเบรนท์ ส่งมอบในเดือนพฤศจิกายนร่วงลงจาก 67.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็น 65.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์ล์ โดยที่ราคาปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ $ 64.24 ก่อนที่จะฟื้นตัวเล็กน้อยในช่วงบ่าย
ตลาดซื้อขายน้ำมันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาอยู่ในแดนลบหลังจากวันจันทร์ ที่ราคาขยับสูงขึ้นเนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการโจมตีโรงงานของซาอุดิอาระเบียซึ่งมีผลทำให้ผลผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียหายไปครึ่งหนึ่ง

Fawad Razaqzada นักวิเคราะห์ของ Forex.com กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี ว่า“ ตลาดคาดการณ์ผิดพลาดอีกครั้ง จากข่าวการโจมตีแหล่งน้ำมันในซาอุฯ เมื่อซาอุฯ ระบุว่าจะสามารถกลับมาผลิตได้อีกครั้งในสิ้นเดือนนี้ ทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้”

การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในวันแรกหลังการโจมตีแหล่งน้ำมันในซาอุฯ เป็นผลมาจากความกลัวว่าราคาพลังงานและความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง แต่การฟื้นตัวของการส่งออกของซาอุดิอาระเบียที่ระบุว่าจะสามารถกลับมาผลิตได้ตามเดิมภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ ทำให้สถานการณ์ราคากลับมาสู่ภาวะปกติ

“การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในวันจันทร์นั้นไม่ยั่งยืนเนื่องจากความกังวลเรื่องอุปทานส่วนเกินเป็นประเด็นที่มีความสำคัญมากกว่าในปีนี้ แต่การลดลงอย่างฉับพลันมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้” Chris Beauchamp หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาด บริษัท IG กล่าว

ด้านผู้ค้าน้ำมันขณะนี้กำลังรอการดำเนินการของสหรัฐฯ ต่อการโจมตีครั้งนี้หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่าประเทศอิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว
เมื่อวานนี้(17 กันยายน) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา Mike Pompeo มีกำหนดจะบินไปซาอุดีอาระเบียเพื่อหารือเกี่ยวกับการตอบโต้ที่เป็นไปได้หลังจากเจ้าหน้าที่สหรัฐอ้างว่าพวกเขามีหลักฐานการโจมตีสุดสัปดาห์เกิดขึ้นในอิหร่าน

วิกฤติดังกล่าวทำให้เกิดความกลัวว่าจะมีความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และตั้งคำถามเกี่ยวกับความมั่นคงของแหล่งน้ำมันดิบในประเทศผู้ส่งออกชั้นนำของโลกซาอุดิอาระเบียและผู้ผลิตรายอื่น

ประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ทรัมป์ได้กล่าวว่าเขาพร้อมที่จะช่วยเหลือซาอุฯ หลังจากการโจมตีที่เกิดขึ้น แต่จะรอการตัดสินที่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ

กบฏ Huthi ที่อิหร่านหนุนหลังในเยเมนอ้างความรับผิดชอบ แต่วอชิงตันและกรุงริยาดได้กล่าวหาเตหะรานซึ่งปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

ผู้นำสูงสุดของอิหร่านในวันอังคารตัดการเจรจากับสหรัฐฯ “ไม่ว่าในระดับใดก็ตาม” เนื่องจากมีความตึงเครียดเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศจากข้อกล่าวหาดังกล่าว

Ayatollah Ali Khamenei กล่าวว่าสหรัฐอเมริกาได้ดำเนินนโยบาย “กดดันสูงสุด” มาใช้กับอิหร่านเพราะเชื่อว่าจะไม่สามารถนำสาธารณรัฐอิสลามมาคุกเข่าได้ด้วยวิธีการอื่น

นอกจากการโจมตีโรงงานผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบียจะกระทบต่อเศรษฐกิจโลกแล้ว นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์จากทั่วโลกยังคงให้ความสนใจเกี่ยวกับประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาที่กำลังจะเกิดขึ้นรวมถึงการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐที่กำลังดำเนินอยู่ซึ่งคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันพุธนี้

ด้านตลาดหุ้นสหัฐฯในวันอังคาร(17ก.ย.) ปิดบวกเล็กน้อย นักลงทุนเฝ้ารอการประชุมเฟดในวันพุธ(18ก.ย.) ท่ามกลางความคาดหมายว่าจะมีการรปรับลดดอกเบี้ยอีกรอบ ในขณที่ผลกระทบจากเหุตโจมตีโรงกลั่นน้ำมันใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบียเริ่มจางหาย

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 33.98 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 27,110.80 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 7.74 จุด (0.26 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,005.70 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 32.47 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,186.02 จุด

เมื่อวันจันทร์(16ก.ย.) ตลาดหุ้นผันผวน หลังเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน ได้กัดเซาะกำลังผลิตของซาอุดีอาระเบียลงกว่าครึ่ง ส่งราคาน้ำมันพุ่งแรงและโหมกระพือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

อย่างไรก็ตามนักลงทุนมีความเบาใจในวันอังคาร(17ก.ย.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ บอกว่าเขาไม่ต้องการทำสงคราม

ที่ประชุม 2 วันของคณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะสิ้นสุดในวันพุธ(18ก.ย.) ด้วยนักลงทุนคาดหมายว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ถือเป็นการปรับลดครั้งที่ 2 ในรอบปี

ด้านราคาทองคำในวันอังคาร(17ก.ย.) ปิดบวก 2 วันติด นักลงทุนเบนความสนใจเข้าสู่ที่ประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์ โดยทองคำสัญญาโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.90 ปิดที่ 1,513.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์