รัฐ-เอกชนผนึกกำลังแก้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาออนไลน์



  • จับมือเจ้าของสิทธิ์-แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ทำเอ็มโอยูร่วมกัน
  • พบขายของเถื่อนแจ้งแพลตฟอร์มจะดำเนินการกับผู้ค้าทำผิดทันที
  • ปี 63 เอาผิดผู้ค้าสินค้าละเมิด 231 คดียึดของกลางเฉียด 4.5 หมื่นชิ้น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยระหว่างการเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ว่าด้วยความร่วมมือในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาบนอินเทอร์เน็ต ระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ เจ้าของสิทธิ์ และผู้ประกอบการแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ชื่อดังว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดทำกรอบความร่วมมือการแก้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนเครือข่าวอินเตอร์เน็ต ในรูปแบบของเอ็มโอยู ร่วมกับเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา 20 หน่วยงาน ผู้ประกอบการ 3 แพลตฟอร์มชั้นนำ ได้แก่ ลาซาด้า, ช้อปปี้ และเจดี เซ็นทรัล และดึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมส่งเสรมิการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการค้าออนไลน์มาร่วมด้วย

“สาระสำคัญของเอ็มโอยู มี 2 ส่วนคือ การระงับการจำหน่ายสินค้าละเมิดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และการเสริมสร้างองค์ความรู้ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาให้แก่ผู้ค้าออนไลน์ ถือเป็นการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนอินเทอร์เน็ต ที่ส่งผลกระทบ ต่อระบบเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และความไว้วางใจของผู้บริโภคต่อการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งจะมีส่วนช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ในการเพิ่มมูลค่าสินค้า และบริการของไทยได้”

ด้านนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ปัจจุบัน มีผู้โพสต์ขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ทั้งที่เป็นแพลฟตอร์มขายสินค้า และสื่อโซเชียลต่างๆ เข่น เฟซบุ๊ก ไอจี ฯลฯ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อธุรกิจของเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอย่างมาก ดังนั้น เอ็มโอยูฉบับ จะเป็นความร่วมมือในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเมื่อเจ้าของสิทธิ์พบการละเมิดบนอินเตอร์เน็ต สามารถแจ้งไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อให้ดำเนินการกับผู้ค้าที่ขายสินค้าละเมิด หรืออาจถอดออกจากการเป็นผู้ค้าในแพลตฟอร์ม ซึ่งจะช่วยให้การละเมิดลดลงได้

“กรมทรัพย์สินทางปัญญา เชื่อมั่นว่า เอ็มโอยูฉบับนี้ จะเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพ ในการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทยให้เข้มแข็ง ซึ่งจะมีส่วนผลักดันการค้าออนไลน์ ให้เติบโตยิ่งขึ้นต่อไป นอกเหนือจากการบังคับใช้กฎหมายเพื่อจับกุมผู้กระทำละเมิด โดยปี 63 ดำเนินคดีกับผู้ละเมิดผ่านออนไลน์ มากถึง 231 คดี ยึดของกลางที่เป็นสินค้าละเมิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้าแบรนด์ดังๆ จากต่างประเทศ 44,953 ชิ้น ส่วนตั้งแต่ปี 61-63 ศาลสั่งให้ปิดกั้นเว็บไซต์ละเมิด ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งศาลได้มีคาสั่งแล้วกว่า 1,500 URLs”