รองปลัดยุติธรรมไขข้อสงสัยสังคมประเด็นการรักษา “ทักษิณ” พร้อมเผยเกณฑ์การเข้าเยี่ยม

“สหการณ์” รองปลัดกระทรวงยุติธรรมเผย “ทักษิณ” ยังรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ยันทำตามระเบียบทุกอย่าง ชี้ญาติไม่สามารถร้องขอเปลี่ยน รพ.เองได้

  • ที่ผ่านมาเมื่อมีนักโทษป่วยอาการวิกฤต เรือนจำทั่วประเทศก็ส่งตัวไปรักษา รพ.แม่ข่าย เป็นปกติ
  • รพ.ตำรวจ ก็เป็นหนึ่งใน รพ.แม่ข่าย ที่มีศักยภาพ เพียงแต่นักโทษนั่นไม่ได้เป็นบุคคลมีชื่อเสียง จึงไม่ได้ปรากฎเป็นข่าว
  • เผยเกณฑ์เยี่ยม ต้องเป็นญาติที่สืบสายเลือด-ครอบครัว เข้าเยี่ยมได้ไม่เกิน 10 คน โดยไม่ให้เข้าเยี่ยมใน 5 วันแรก

วันนี้ (24 ส.ค.66) ที่อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาพฤตินิสัย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการรับหนังสือจากกลุ่ม คปท.เกี่ยวกับกรณีมีกระแสข่าวการย้ายตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากโรงพยาบาลตำรวจ ไปรักษายังโนงพยาบาลเอกชน แล้วภายหลังจากที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้ส่งตัวนายทักษิณมายังโรงพยาบาลตำรวจ เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 23 ส.ค.66 ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเข้ามา แต่ยืนยันยังไม่มีการส่งตัวออกไปไหนต่อ ทั้งนี้ ในส่วนตัวมั่นใจว่าโรงพยาบาลตำรวจ มีศักยภาพในการดูแลรักษาได้ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้ติดตามดูแลอาการอย่างใกล้ชิด เพราะนายทักษิณ ยังอยู่ในการควบคุมของเรือนจำ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเผยแพร่ภาพของนายทักษิณ ขณะรับการรักษาได้ เพราะมีกฎหมายคุ้มครอง ส่วนการรักษาความปลอดภัย ได้มีเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ 4 นาย คอยคุ้มกันอยู่นอกห้องพัก

นอกจากนี้ ในส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่า อาการป่วยของนายทักษิณ ทรุดลงหลังจากเข้าเรือนจำนั้น ในจุดนี้ต้องชี้แจงว่า หากจินตนาการว่าต้องเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัดสิทธิ จากที่กินอยู่สุขสบาย ก็อาจส่งผลให้ร่างกายมีปัญหาได้ ขณะนี้ยังไม่ได้ส่งจิตแพทย์เข้าไปดูแลอาการของนายทักษิณ แต่แพทย์ได้รักษาอาการเจ็บป่วยตามประวัติการรักษาจากต่างประเทศ

นายสหการณ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับหลักเกณฑ์ในการเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาล ต้องเป็นไปตามที่เรือนจำกำหนด คือ ญาติที่สืบสายเลือดและครอบครัวเข้าเยี่ยมได้ไม่เกิน 10 คน โดยไม่ให้เข้าเยี่ยมใน 5 วันแรก และต้องแจ้งความจำนงค์มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก่อนปฏิบัติตามกติกาโรงพยาบาล คือเข้าเยี่ยมระหว่างเวลา 11.00 – 13.00 น. และ 17.00 – 19.00 น. ในวันปกติ หากอยู่โรงพยาบาลเกิน 5 วัน และมีบุคคลสำคัญนอกเหนือจากญาติ เช่น นักการทูต ต้องสอบถามตัวผู้ป่วยเองว่าอยากให้บุคคลนั้น เข้าพบหรือไม่ อีกทั้งในส่วนการติดต่อสื่อสารใดๆ กับนายทักษิณ ก็ต้องดำเนินการผ่านเจ้าหน้าที่ และให้แจ้งผ่านญาติ ทั้งนี้ นับแต่วันคุมขัง นายทักษิณยังไม่แจ้งความประสงค์ใดๆ

“ที่ผ่านมาเมื่อมีนักโทษที่เป็นผู้ป่วยอาการวิกฤต เรือนจำทั่วประเทศได้ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลแม่ข่ายระดับอำเภอจังหวัด หรือภูมิภาค รวมถึงโรงพยาบาลตำรวจ ที่มีศักยภาพการรักษามาโดยตลอด เพียงแต่ไม่ได้เป็นบุคคลมีชื่อเสียงจึงไม่ได้ปรากฎเป็นข่าว เนื่องจากกรมราชทัณฑ์ และ โรงพยาบาลตำรวจ มีบันทึกข้อตกลงร่วม (เอ็มโอยู) ที่ให้ส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษา หากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่สามารถทำการรักษาได้ เพราะถือเป็นเรื่องปกติ ที่จะต้องยื้อชีวิตผู้ป่วยไว้ให้ได้ โดยจะมีแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยการส่งตัว ร่วมกับราชทัณฑ์ ญาติไม่สามารถร้องขอให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลใดเองก็ได้”