- เผยยอดผู้ติดเชื้อในอิหร่านเพิ่มเป็น 95 คน เสียชีวิต 15 คน
- ด้านอิตาลีพบผู้เสียชีวิตจากไวรัส เพิ่มเป็น 11 คน
- โดยไวรัสยังคงแพร่ระบาดต่อเนื่องในโซนยุโรป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงน่าวิตก แม้ยอดผู้เสียชีวิต และติดเชื้อรายวันในจีนลดลงตามลำดับ แต่ประเทศที่กลายเป็นฮอตสปอต แหล่งระบาดของไวรัสอย่างรวดเร็วอย่างอิหร่าน และอิตาลี สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ที่ประเทศอิหร่าน นอกจากพบการระบาดในประเทศแล้ว ยังกลายเป็นต้นตอการแพร่ระบาดสู่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งในอัฟกานิสถาน บาห์เรน อิรัก คูเวต และโอมาน มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 95 คน และผู้เสียชีวิตแล้ว 15 คน โดยในกลุ่มผู้ติดเชื้อนั้นมีนายอิราจ ฮารีร์ชี รมช.สาธารณสุข รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนฯ อีก 1 คน ในกรุงเตหะราน แต่ไม่มีรายละเอียดว่าทั้ง 2 คน ติดจากที่ไหน หรือเคยเดินทางไปจีนหรือไม่
กรณีนายฮารีร์ชี ได้ประกาศยอมรับว่าติดไวรัสโควิด-19 เมื่อวานนี้ ตอนนี้เริ่มกินยาและกักตัวเองในบ้านเพื่อรักษาตัวแล้ว มั่นใจจะเอาชนะไวรัสมรณะนี้ได้ หลังวันก่อนแสดงอาการไอเป็นระยะๆ และเหงื่อแตกตลอดการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของไวรัสดังกล่าวในประเทศ พร้อมปฏิเสธข่าวที่มี ส.ส.คนหนึ่งจากเมืองกอม กล่าวหารัฐบาลปกปิดข้อมูลการระบาด และว่าเฉพาะเมืองกอมมีผู้เสียชีวิตมากถึง 50 คน
อย่างไรก็ตามในส่วนประเทศอิตาลี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 11 คนแล้ว และยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มในแคว้นทัสคานี ซิซิลีและลิกูเรีย นอกเหนือจากในแคว้นลอมบาร์ดี และเวเนโต ทางภาคเหนือ ที่แพร่ระบาดหนัก โดยยังมีออสเตรียโครเอเชีย สวิตเซอร์แลนด์ และแอลจีเรีย ที่พบผู้ติดเชื้อครั้งแรกในประเทศ ซึ่งคนที่ติดเชื้อทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับคนที่เดินทางไปอิตาลี
อีกทั้งยังลามไปถึงเมืองเตเนริเฟ บนเกาะคานารี แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของสเปน จนต้องปิดโรงแรมระดับ 4 ดาวชื่อว่าเอช 10 คอสตา อะเดเจ พาเลซ แขกเข้าพักหลายร้อยคน ถูกห้ามออกจากโรงแรมจนกว่าจะรู้ผลตรวจหาเชื้อไวรัสหลังจากแพทย์คนหนึ่งจากภูมิภาคลอมบาร์ดี ภรรยา มาเข้าพักและตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนชาวอเมริกันคงเลี่ยงได้ยากที่จะไม่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ และจะกระทบวิถีชีวิตอย่างรุนแรง ด้านนายอเลกซ์ อาซาร์ รมว.สาธารณสุข และบริการมุนษย์ของสหรัฐฯ ร้องขอให้คณะอนุกรรมาธิการวุฒิสภาอนุมัติงบประมาณต่อสู้การระบาดของไวรัสโควิด-19 กว่า 2,500 ล้านดอลลาร์
