ยุคโควิดต้องช่วยกัน… “สิงห์ เอสเตท” ส่งมอบถุงแยกขยะติดเชื้อให้ กทม. อีกกว่า 180,000 ถุง



  • พร้อมจับมือพันธมิตรสนับสนุนอาหารทีมบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ติดเชื้อ
  • เผยยังมีส่วนช่วยสนับสนุน-อุดหนุนอาหารจากผู้เช่าพื้นที่บริษัทในช่วงนี้ ที่ขาดรายได้

นายชนพัฒน์ เตชะตันติวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและภาพลักษณ์องค์กร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบกันไปถึงทุกๆ ฝ่าย โดยทางบริษัทฯ นอกจากจะให้ความสำคัญด้านการดำเนินงาน การดูแลพนักงาน รวมถึงคู่ค้าแล้ว ก็ยังได้ให้ความร่วมมือ และความช่วยเหลือในส่วนอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะการสนับสนุนหน่วยงานหลักอย่าง กรุงเทพมหานคร ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ควบคุม และป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในภาคสนาม โดยหนึ่งภารกิจสำคัญคือการควบคุมและจัดการขยะติดเชื้อที่เกิดขึ้นทุกๆ วัน อาทิ หน้ากากอนามัย, กระดาษชำระ, ถุงมือ หรือของใช้จากผู้ที่ติดเชื้อ เป็นต้น โดยขยะเหล่านี้เป็นขยะที่ต้องแยก และจัดการอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนต่อไป

ทั้งนี้ที่ผ่านมา บริษัทฯได้มีการสนับสนุนถุงแดงสำหรับแยกขยะติดเชื้อมาโดยตลอด และล่าสุดนี้เตรียมพร้อมสนับสนุนเพิ่มเติมอีก 181,220 ถุง เบื้องต้นคาดว่าจะเพียงพอสำหรับใช้ในระยะเวลาตลอด 1 เดือนจากนี้ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

“นอกจากการรณรงค์ป้องกันตัวจากไวรัสโควิด-19 เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ แล้ว การบริหารจัดการเรื่องขยะติดเชื้อก็สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งสิงห์ เอสเตท ให้ความสำคัญและรณรงค์ด้านการจัดการขยะอย่างถูกวิธีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในครั้งนี้บริษัทฯ ได้เตรียมสนับสนุนถุงแยกขยะติดเชื้อเพิ่มเติมให้กับอีก 3 หน่วยงานหลักของกรุงเทพมหานคร ที่เป็นกำลังสำคัญอย่างมากในการรับมือสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ณ ขณะนี้ ประกอบด้วย สำนักสิ่งแวดล้อม มีหน้าที่จัดการขยะที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะต้องแยกขยะติดเชื้อก่อนนำไปทำลาย จำนวน 20,420 ใบ สำนักอนามัย จะแจกจ่ายถุงแยกขยะติดเชื้อนี้ไปยังศูนย์บริการสาธารณสุขในสังกัด 69 แห่งทั่วกรุงเทพมหานคร และอีกส่วนจะนำมาจัดรวมไว้ในชุดกักตัวของผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 40,800 ใบ และสำนักการแพทย์ ซึ่งจะนำไปใช้หลักที่โรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามในสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 120,000 ใบ” นายชนพัฒน์ กล่าว

ด้านนายวิรัตน์ มนัสสนิทวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบันทุกหน่วยงานได้บูรณาการความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ครั้งนี้ โดยทาง กทม.เองได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนร่วมสนับสนุนวัสดุและอุปกรณ์ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน สำหรับการจัดการขยะติดเชื้อเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่กทม.ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากขยะดังกล่าวต้องได้รับการจัดการอย่างถูกหลักสุขาภิบาล เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ (15 ธ.ค.63 – 12 เม.ย.64) กรุงเทพมหานครมีปริมาณขยะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงขยะหน้ากากอนามัยที่เก็บขนและกำจัดจากสถานพยาบาลที่รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และสถานที่สำหรับผู้กักตัว เช่น บ้านพักอาศัย สถานที่กักตัวของรัฐและโรงแรมทางเลือกสำหรับผู้กักตัว รวมทั้งสิ้น 1,366.29 ตัน หรือเฉลี่ย 11.48 ตันต่อวัน

“ที่ผ่านมากทม.ได้ตั้งวางถังรองรับหน้ากากอนามัยเป็นการเฉพาะ (สีส้ม) ในพื้นที่สาธารณะกว่า 1,000 จุด พร้อมรณรงค์ประชาสัมพันธ์การแยกทิ้งหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี ซึ่งได้รับความร่วมมือในการคัดแยกเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน สำหรับการสนับสนุนถุงขยะติดเชื้อจากภาคเอกชนเพิ่มเติมในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งความร่วมมืออันดีที่จะช่วยขับเคลื่อนภารกิจการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกรุงเทพมหานคร ด้านการจัดการขยะติดเชื้อให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครจะได้แจกจ่ายถุงขยะติดเชื้อให้กับสถานพยาบาลในสังกัดกทม. รวมถึงโรงพยาบาลสนาม และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการเก็บรวบรวมขยะติดเชื้อและนำไปกำจัดตามหลักสุขาภิบาลต่อไป” นายวิรัตน์ กล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ทางสิงห์ เอสเตท พร้อมด้วยบริษัทพันธมิตร อาทิ น้ำดื่มตราสิงห์, บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) บริษัท บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) รวมถึง บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตน้ำมันพืชตราองุ่น ได้ร่วมกันสนับสนุนอาหารปรุงสุกที่บรรจุในภาชนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันปัญหาขยะ เพิ่มเติมสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องปฏิบัติงานแนวหน้า และผู้พักรักษาตัว ที่โรงพยาบาลสนาม ณ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา (บางบอน) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 130 ท่าน โดยจะสนับสนุนอาหารกลางวัน และเย็น วันละ 2 มื้อ ตลอดระยะเวลา 1 เดือนจากนี้ โดยเป็นอาหารปรุงสุกจากตลาดซันพลาซ่า ซึ่งเป็นพื้นที่รีเทลในเครือสิงห์ เอสเตท โดยนอกจากจะได้ช่วยเหลือบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่และผู้พักรักษาตัวแล้ว ยังเป็นการช่วยอุดหนุนอาหารจากผู้เช่าพื้นที่ในช่วงนี้ ซึ่งบริษัทต่างๆ มีนโยบายทำงานจากที่บ้าน ส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้าขาดรายได้