มท.3 ลุยต่อ! ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดบึงกาฬ แก้ไขปัญหาเร่งด่วน 8 ด้าน พร้อมชูท่องเที่ยวชายแดน



วันนี้ (28 พ.ย. 63) เวลา 09.30 น. นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มท. (มท.3) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดบึงกาฬโดยได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบคำสั่งที่เกี่ยวข้อง และแผนการขับเคลื่อนพัฒนาจังหวัดบึงกาฬให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ได้แก่

1.คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ

2.คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง มอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด โดย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มท. รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนครพนม สกลนคร และบึงกาฬ

3.คำสั่งกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อช่วยในการติดตามรับฟังและแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาชน โดยมีนายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ เป็นประธานคณะทำงาน นายวีร์รวุทธ์ ปุตระเศรณี นายสมฤกษ์ บัวใหญ่ และนางสาวอรษา โพธิ์ทอง เป็นคณะทำงาน

4.กรอบการสนับสนุนงบประมาณโครงการ เงินกู้ 4 แสนล้านบาท รอบที่ 2 กลุ่มแผนงาน/โครงการ ฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น วงเงิน 45,000 ล้านบาท

ทั้งนี้จังหวัดบึงกาฬ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานกรรมการ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ และหัวหน้าสำนักงานจังหวัดบึงกาฬ เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดบึงกาฬ จำนวน 8 ด้าน ประกอบด้วย ด้านราคายางพาราตกต่ำ ด้านการบริหารจัดการน้ำ ด้านที่ดิน ด้านยาเสพติด ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านพัฒนาการท่องเที่ยว ด้านการศึกษา ด้านการกีฬา เพื่อทำหน้าที่สำรวจสภาพปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบ วิเคราะห์ปัญหาความจำเป็นเร่งด่วนการแก้ไขปัญหา รวมทั้งกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา

นอกจากนี้จังหวัดบึงกาฬได้มีข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อน/ความจำเป็นเร่งด่วนการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ดังนี้

1.ปัญหาด้านราคายางพาราตกต่ำ
จังหวัดบึงกาฬมีพื้นที่ปลูกยางพาราที่ขึ้นทะเบียนจำนวน 867,870 ไร่ แก้ปัญหาโดยการลดต้นทุนการผลิต ลดพื้นที่ปลูกยาง ขอรับการสนับสนุน คือการแปรรูยาวพาราให้ตรงกับความต้องการขอฝตลาด การส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศ เช่น การทำถนน ส่งเสริมให้มีการผลิตสินค้า OTOP จากยางพารา การแก้ไขผังเมืองรวมบึงกาฬ ให้สามารถตั้งพื้นที่โรงงานได้

“อุปสงค์อุปทานไม่สอดคล้องกัน เนื่องจากความต้องการยางพาราสูง แต่ราคายางกลับตกต่ำ ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด สหกรณ์ควรเป็นศูนย์กลางรับซื้อยางพารา รวมถึงให้การช่วยเหลือดูแลภาคธุรกิจ เพื่อช่วยระบายสินค้า และได้ราคาที่เหมะสมกับการตลาด”

2.ปัญหาด้านการบริหารจัดการน้ำ ในช่วงฤดูแล้งมีปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่อการอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร และในฤดูฝนมีปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่เศรษฐกิจ

ทั้งนี้ได้แจ้งให้จังหวัดรวบรวมข้อมูลแต่ละพื้นที่และของบประมาณตามกระบวนการไป และแนะนำประชาชนควรเข้าร่วมโครงการ เช่น โครงการขุดสระแลกมวลดิน โครงการขุดทรายแลกน้ำ

3.ปัญหาด้านที่ดิน เป็นปัญหาประชาชนบุกรุกเข้าไปทำกินในที่สาธารณประโยชน์ ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง การขาดเอกสารสิทธิ์รับรองการทำประโยชน์ในที่ทำกิน

“ขอให้จังหวัดรวบรวมข้อมูลพื้นที่ ที่มีความจำเป็นต้องลงพื้นที่สำรวจ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินให้ทั่วถึงทั้งจังหวัด”

4.ปัญหาด้านยาเสพติด เนื่องจากจังหวัดบึงกาฬ มีลักษณะภูมิประเทศมีชายแดนติดกับ สปป.ลาว ระยะทาง 120 กิโลเมตร ซึ่งเป็นช่องทางธรรมชาติ เป็นอุปสรรคต่อการควบคุมดูแลพื้นที่ตามแนวชายแดน ปัจจุบันมีการลักลอบนำยาเสพติด30ล้านเม็ด รวมถึงยาไอซ์และโคเคน เข้ามายังจังหวัดบึงกาฬ แนวทางแก้ไขปัญหามีการจัดตั้ง กต.ตร.หมู่บ้าน และจังหวัดยังติดปัญหางบประมาณของการก่อสร้างอาคารจากงบกองอาสารักษาดินแดน กรมการปกครอง สำหรับทำค่ายบำบัด
จึงฝากสถานีตำรวจภูธรเขียนโครงการในการขอรับงบประมาณในการของรับงบประมาณ CCTV โดยสำนักงานจังหวัดจะช่วยรับผิดชอบเสนอของบประมาณให้

อย่างไรก็ตามขอให้เตรียมความพร้อมช่องทางได้รับงบประมาณเพื่อจัดตั้ง CCTV 10 ล้านบาท รวมถึงควรเขียนโครงการให้เป็นไปตามแนวทางการท่องเที่ยวเพื่อให้เข้าโครงการ 400,000ล้านบาทได้

5.ปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นปัญหาพื้นที่ป่าไม้บุกรุกทำลาย เช่น การเผาป่าทำการเกษตร ทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก การทิ้งขยะ น้ำทิ้ง และของเสียจากการแปรรูปยางพารา จีงขอรับการสนุนงบประมาณเพื่อจัดหาเครื่องมือชุดดับไฟป่าประจำหมู่บ้าน

“เตรียมจะประสานไปยังปลัดกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม และรมว.ทรัพยากรฯ เพื่อให้สนับสนุนงบประมาณสำหรับชุดดับไฟป่า”

6.ปัญหาด้านการพัฒนาการท่องเที่ยว
ปัจจุบันมีการทำถนนขึ้นหินสามวาฬ การจัดศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ภูลังกา และป้ายประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว

7.ปัญหาด้านการศึกษา ยังไม่มีสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาในพื้นที่

“รมช.มท. เห็นด้วยกับการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐ แต่ต้องนำเสนอเป็นพระราชบัญญัติ โดยจังหวัดกับและมหาวิทยาลัยราชภัฏต้องช่วยในการช่วยขับเคลื่อน รวมถึงต้องจัดหาพื้นที่การก่อสร้างมหาวิทยาลัยดังกล่าว”

8.ปัญหาด้านการกีฬา ปัญหาด้านการขอรับงบประมาณในการก่อสร้างสนามกีฬาจังหวัดบึงกาฬ ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ ที่มีการยกเลิกสัญญาจ้าง เนื่องจากผู้รับจ้างทิ้งงาน เงินงบประมาณปี พ.ศ.2557 – 2561 คงเหลือจำนวน 32,573,900 บาท กรมบัญชีกลางไม่อาจพิจารณาการขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวได้ โดยให้ขอรับงบประมาณใหม่จากสำนักงบประมาณ เพื่อดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ อีกร้อยละ 32.53 จึงจะแล้วเสร็จ

ส่วนสรุปผลการดำเนินโครงการ
จำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง จำนวน 1,342 ร้านค้า โดยอำเภอเมืองบึงกาฬเข้าร่วมมากที่สุด จำนวน 459 ร้านค้า ยอดขายของร้านค้า หลังจากเข้าร่วมโครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 40-60 ยอดใช้จ่ายสะสม 48.1 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวัน 1.7 ล้านบาท จังหวัดบึงกาฬ อยู่ลำดับที่ 54 จาก 55 เมืองรอง

ขณะที่สรุปการดำเนินการในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ดังนี้ 1.10 ธันวาคม 2563 รมว.ทท. จะเดินทางมายังจังหวัดบึงกาฬเพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬา และสนามกีฬากลางของจังหวัดบึงกาฬ รวมถึงการพัฒนาหินสามวาฬให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยอมรับของนักท่องเที่ยว

2.ขอให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจและสนับสนุน เพื่อให้ข้อจำกัดในการเดินทางลดน้อยลง หลังจากการสร้างสะพานเสร็จ นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวก็จะหลั่งไหลเข้ามาภายในจังหวัด

และ3.ในเขตเทศบาลเมืองบึงกาฬ เดิมเป็นแผ่นดินที่ติดแม่น้ำโขง ทำให้ปัจจุบันพื้นที่หายไปจากกระแส จึงความจัดทำโครงการเขื่อนป้องกันแนวการสูญเสียดินแดน