พายุซัดทำถนนทางหลวงพังยับน้ำท่วม ดินสไลด์ใน 15 จังหวัด ถนนตัดขาดประชาชนสัญจรไม่ได้ 21 แห่ง-เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซ่อมแซมทางต่อเนื่อง

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) เปิดเผยว่า จากฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทำให้ถนนทางหลวงในได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ และสะพานชำรุดใน15 จังหวัด ถนนเสียหายกว่า 36 สายทาง  รวม 52  แห่ง  ในถนนที่ได้รับความเสียหายประชาชน สามารถสัญจรผ่านไปมาได้  31 แห่ง ผ่านไม่ได้ 21 แห่ง ซึ่งจากสถานการณ์จึงได้กำชับหน่วยงานในสังกัดให้เร่งช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างเต็มกำลัง  พร้อมทั้งให้ติดตามเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยและทันท่วงที 

ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้เตรียมพร้อมเครื่องมือ เครื่องจักร สะพานเบลีย์ และจัดเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกปลอดภัยให้กับประชาชนตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อีกทั้งช่วงนี้ยังอยู่ในฤดูฝนจึงกำชับหน่วยงานในพื้นที่ให้เตรียมพร้อมและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ กรณีน้ำท่วมสูงได้ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำเส้นทาง หลักนำทาง ไฟกะพริบ จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เร่งสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ วางแท่งแบริเออร์ เรียงกระสอบทราย และกำแพงดินเพื่อชะลอน้ำ กรณีถนนหรือสะพานขาด/ชำรุด ได้เร่งติดตั้งสะพานเบลีย์เชื่อมทาง และกรณีดินไหล่เขาข้างทาง Slide ได้นำเครื่องจักรเขาเกลี่ยดินออกเพื่อให้ประชาชนสัญจรได้สะดวก   

นอกจากนี้ยังได้ตั้งจุดให้บริการประชาชน จัดรถ Mobile Service  ช่วยเหลือประชาชนกรณีรถเสียบนทางหลวง  ช่วยขนย้ายประชาชนและสิ่งของไปยังพื้นที่ปลอดภัย จัดรถบรรทุกไว้บริการรับส่งประชาชนในพื้นที่ประสบภัย แจกจ่ายอาหารเครื่องอุปโภคบริโภค และช่วยล้างทำความสะอาดเก็บกวาดบ้านเรือนเพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนในพื้นที่น้ำลดน้ำ และได้กำชับหน่วยงานในสังกัดกรณีเกิดภัยพิบัติให้ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย และสนับสนุนเครื่องมือเครื่องจักร ยานพาหนะ กรณีมีการร้องขอจากหน่วยงานอื่นๆ หรือประชาชน  

สำหรับสถานการณ์ประจำวันที่ 4  ตุลาคม 64  เวลา 13.30 น. พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ และสะพานชำรุด จำนวน 15 จังหวัด 36 สายทาง  รวม 52  แห่ง  การจราจรผ่านได้ 31 แห่ง ผ่านไม่ได้ 21 แห่ง   ดังนี้ 

1. จ.ขอนแก่น (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)

– ทล. 2065 พล – ลำชี ช่วง กม.ที่ 33+000 – 34+500 น้ำกัดเซาะเส้นทางชำรุด

2. จ.นนทบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 2 แห่ง)

– ทล. 302 สะพานพระนั่งเกล้า-ต่างระดับบางใหญ่ ช่วง กม.ที่ 16+950  ระดับน้ำสูง 30-35 ซม. ใช้จุดกลับรถต่างระดับ 

  บางใหญ่ที่ กม.18+500 แทน

– ทล. 302 สะพานพระนั่งเกล้า-ต่างระดับบางใหญ่ ช่วง กม.ที่ 17+000  ระดับน้ำสูง 30-35 ซม. ใช้จุดกลับรถใต้สะพาน

  คลองบางไผ่ที่ กม.16+600 แทน

3. จ.สระบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้  1 แห่ง)

   – ทล.3020  พระพุทธบาท-หนองโดน ช่วง กม.7+301 (คอสะพานหนองโดนถูกน้ำกัดเซาะชำรุด การจราจรผ่านไม่ได้ 

     ปิดการใช้สะพานทั้งสองฝั่ง

4. จ.อ่างทอง (การจราจรผ่านไม่ได้ 5 แห่ง)

  – ทล.33 นาคู-ป่าโมก ช่วง กม.ที่ 36+000 – 36+200 (จุดกลับรถใต้สะพานฝั่งป่าโมก) ระดับน้ำสูง 40 ซม.

  – ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.33+200 จุดกลับรถใต้ท่อ Box Cul.(วัดค่าย) ระดับน้ำสูง 65 ซม.

  – ทล.32  นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 32+607 (จุดกลับรถคลองกะท่อ)   ระดับน้ำสูง 150 ซม. เส้นหลักผ่านได้          

    จุดกลับรถผ่านไม่ได้ 

  – ทล. 32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 39+843 (จุดกลับรถวัดดอกไม้)  ระดับน้ำสูง 55 ซม. เส้นหลักผ่านได้          

    จุดกลับรถผ่านไม่ได้ 

  – ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 43+719 (จุดกลับรถหลวงปู่ทวด) ระดับน้ำสูง 50 ซม.เส้นหลักผ่านได้          

    จุดกลับรถผ่านไม่ได้ 

5. จ.ลพบุรี  (การจราจรผ่านไม่ได้ 3 แห่ง) 

– ทล.1 แยกโรงพยาบาลอานันทมหิดล-โคกสำโรง ช่วง กม.ที่ 168+228-169+328  ระดับน้ำสูง 50 ซม.  ทางเลี่ยง 

  จ.ลพบุรี เลี้ยวที่ กม.170 เข้าวัดหนองคู

– ทล. 3019  สามแยกโคกกระเทียม-สถานีรถไฟโคกกระเทียม ช่วง กม.ที่ 1+750-กม.1+825 ระดับน้ำสูง 50 ซม. 

  ทางเลี่ยงใช้ทางท้องถิ่นแทน

– ทล.3024  บ้านหมี่-เขาช่องลม ช่วง กม.ที่ 5+600-กม.7+300  ระดับน้ำสูง 150 ซม. ทางเลี่ยงใช้ทางท้องถิ่นแทน

6. จ.กำแพงเพชร  (การจราจรผ่านไม่ได้ 2 แห่ง) 

– ทล. 1 ตอน โนนปอแดง – ปากดง ช่วง กม.ที่ 419+036 (จุดกลับรถคลองพะยอม) ระดับน้ำสูง 40 ซม. 

– ทล. 1 ตอน โนนปอแดง – ปากดง ช่วง กม.ที่ 432+030 (จุดกลับรถคลองสุวรรณ) ระดับน้ำสูง 20 ซม. 

7. จ.พระนครศรีอยุธยา (การจราจรผ่านไม่ได้ 3 แห่ง) 

– ทล. 347 บางกระสั้น–บางปะหัน ช่วง กม.ที่ 40+860 (จุดกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา) ระดับน้ำสูง 40 ซม.

– ทล 3263 อยุธยา–ไผ่กองดิน ช่วง กม.ที่ 10+940 (จุดกลับรถใต้สะพานสีกุก) ระดับน้ำสูง 160 ซม. ใช้ทางกลับรถ

  ข้างหน้าแทน

– ทล 3263 อยุธยา–ไผ่กองดิน ช่วง กม.ที่ 11+100 (จุดกลับรถใต้สะพานสีกุก) ระดับน้ำสูง 150 ซม. ใช้ทางกลับรถ

  ข้างหน้าแทน

8. จ.สุพรรณบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 2 แห่ง)

– ทล. 33 สุพรรณบุรี – นาคู ช่วง กม.ที่ 9+886 (สะพานคลองทับน้ำ) ระดับน้ำสูง 55 ซม. 

– ทล. 340 สาลี – สุพรรณบุรี กม.ที่ 59+674 (สะพานศาลเจ้าแม่ทับทิม)  ระดับน้ำสูง 100 ซม.

9. จ.นครสวรรค์  (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง) 

– ทล. 1 บ้านหว้า – วังไผ่  ช่วง กม.ที่ 339+600 ใต้สะพานเดชาติวงศ์ ระดับน้ำสูง 105 ซม. ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน

10. จ.ตาก (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)

– ทล. 1175 ห้วยส้มป๋อย – เจดีย์ยุทธหัตถี ช่วง กม.ที่ 55+300 คันทางทรุดตัว  ใช้ทางเลี่ยง ทล.12 แทนเดินทางไป 

  อ.บ้านตาก

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางหลวงเดินทางด้วยความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงเส้นทางที่คาดว่าจะเกิดความสุ่มเสี่ยง พร้อมขอให้ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และหากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586  (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์สภาพเส้นทางได้ที่ทวิตเตอร์กรมทางหลวง @prdoh1