พาณิชย์เปิดโพย 12 ธุรกิจดาวเด่นปี 64

.ชี้ธุรกิจออนไลน์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องมาแรงสุด

.ธุรกิจดีลิเวอรี่-โลจิสติกส์-บรรจุภัณฑ์ไม่น้อยหน้า

.หวังนักธุรกิจใช้เป็นข้อมูลประกอบการลงทุน

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต และเป็นธุรกิจดาวเด่นในปี 64 พบว่า มี 12 ธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจการค้าออนไลน์ 2.ธุรกิจแพลตฟอร์ม สำหรับการเป็นตลาดกลางออนไลน์ 3.ธุรกิจสื่อโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ 4.ธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของ (ดีลิเวอรี่) 5.ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ 6.ธุรกิจออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ 7.ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม 8.ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ 9.ธุรกิจเวชภัณฑ์ยา ธุรกิจขายส่งสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และทางการแพทย์ 10.ธุรกิจพัฒนาโปรแกรมซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน 11.ธุรกิจการเงินแลบฟินเทค และอี-เพย์เมนต์ และ12.ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ เช่น ร้านสะดวกซัก เครื่องเติมเงิน เครื่องเติมน้ำ

“ทั้ง 12 ธุรกิจ กรมได้วิเคราะห์จากข้อมูลทางธุรกิจ ตั้งแต่สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ จำนวนธุรกิจที่ดำเนินกิจการ งบการเงิน ผลประกอบธุรกิจ และข้อมูลปัจจัยทางธุรกิจและเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอก ร่วมกับผลการศึกษาจากหน่วยงานวิจัยด้านธุรกิจอื่นๆ เพื่อให้ผู้สนใจลทุนทำธุรกิจ ใช้ประกอบการตัดสินใจทำธุรกิจ แต่ต้องคำนึงถึงความชื่นชอบและความถนัดของตนเองด้วย เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ต้องรอบคอบให้มากที่สุด”

สำหรับทั้ง12 ธุรกิจ จำแนกออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มที่ 1 ธุรกิจด้านการค้าและการตลาดออนไลน์ ได้แก่ ธุรกิจการค้าออนไลน์ ธุรกิจแพลตฟอร์ม และธุรกิจสื่อโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งมีการเติบโตที่สอดคล้องและเกื้อหนุนกันกับพฤติกรรมการบริโภคของผู้คนในปัจจุบัน ที่ซื้อขายสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ทั้งจากช่วงก่อนหน้านี้ และช่วงที่โควิด-19 ระบาด สะท้อนจากจำนวนธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการจัดตั้งธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การจัดตั้งธุรกิจใหม่เติบโต จากปีละ 310 ราย ในปี 61 มาเป็นปีละ 798 ราย ในปี 63 ถือเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้ามาดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น

ส่วนกลุ่มที่ 2 ธุรกิจด้านขนส่ง โลจิสติกส์ และบรรจุภัณฑ์ เช่น ธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของ ธุรกิจขนส่ง โลจิสติกส์ และธุรกิจออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ เป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลดีจากการที่ผู้บริโภคซื้อขายสินค้าทางออนไลน์มากขึ้น และการเติบโตของกลุ่มธุรกิจด้านการค้าและการตลาดออนไลน์ สังเกตได้จากผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมาก เช่น ธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของ มีรายได้ตลอดปี 62 เพิ่มขึ้น 57% จากปี 61 และธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ มีกำไรตลอดปี 62 เพิ่มขึ้น 116% จากปี 61

ขณะที่กลุ่มที่ 3 ธุรกิจด้านสุขภาพ สุขอนามัย และการแพทย์ ได้แก่ ธุรกิจบริการทางแพทย์และความงาม ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ และธุรกิจเวชภัณฑ์ยาและขายสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และทางการแพทย์ ซึ่งได้รับผลดีจากการที่ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพมากขึ้น รวมทั้งมีความระวังการแพร่ระบาดของโรคที่เกิดขึ้น สะท้อนจากจำนวนธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการจัดตั้งธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ การจัดตั้งธุรกิจใหม่ เพิ่มขึ้นจากปีละ 68 ราย ในปี 61 มาเป็นปีละกว่า 114 ราย ในปี 63 และธุรกิจเวชภัณฑ์ยาและขายสินค้าทางเภสัชภัณฑ์ เติบโตจากปีละ 945 ราย ในปี 61 มาเป็นปีละกว่า 1,158 ราย ในปี 63


ส่วนกลุ่มที่ 4 ธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาโปรแกรมซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชัน ธุรกิจการเงินฟินเทคและอี-เพย์เมนต์ และธุรกิจตู้หยอดเหรียญ เนื่องจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เพื่ออำนวยความสะดวกและพัฒนาการให้บริการต่างๆ ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีมากขึ้น สังเกตได้จากแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมาก เช่น ธุรกิจการเงินฟินเทค มีกำไรตลอดปี 62 เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นถึง 324% จากปี 61 และธุรกิจตู้หยอดเหรียญ มีกำไรตลอดปี 62 เพิ่มขึ้น 94% จากปี 61 สำหรับทั้ง 12 ธุรกิจ มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 2.2 ล้านล้านบาท และมีธุรกิจคงอยู่ 65,738 ราย มีทุนจดทะเบียนรวม 812,213.46 ล้านบาท”