พาณิชย์ยันดูแลสถานการณ์ราคา “เอทีเค” อย่างต่อเนื่อง

  • พบช่วงปลายปีต่อต้นปีราคาบางยี่ห้อขยับขึ้นเล็กน้อย
  • หลังของขาด-ความต้องการพุ่งล่าสุดราคาลดลงแล้ว
  • ลั่นเอทีเคเป็นสินค้าควบคุมพบใครค้ากำไรเกินควรมีโทษหนัก

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลราคาและสถานการณ์จำหน่ายชุดตรวจโควิดแบบหาแอนติเจนด้วยตนเอง (เอทีเค) เพราะมีแนวโโน้มราคาจะสูงขึ้น ภายหลังความต้องการใช้เพิ่มขึ้นว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ได้ติดตามสถานการณ์ราคา และการจำหน่ายเอทีเค อย่างใกล้ชิดอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่กระทรวงสาธารณสุขอยุญาตให้ขายได้ในท้องตลาด ทั้งการขายแบบออฟไลน์ หรือร้านขายยาทั่วไป และการขายผ่านออนไลน์

“กระทรวงพาณิชย์ ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ถ้าประชาชนพบเห็น ผู้ค้ารายใดขายราคาแพงเกินสมควร หรือค้ากำไรเกินควร สามารถร้องเรียนได้ที่สายด้วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ หากพบการกระทำผิดจริง จะมีความผิดตามมาตรา 29 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการพ.ศ.2542 มีโทษปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ด้านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า จากการติดตามราคาและสถานการณ์การขายเอทีเค พบว่า ในช่วงปลายปีต่อต้นปี บางยี่ห้อราคาสูงขึ้นเล็กน้อย เพราะความต้องการใช้ที่สูงขึ้น และสินค้าอยู่ระหว่างการสั่งซื้อ และจัดส่ง ทำให้สินค้ามีน้อย แต่ขณะนี้ ราคาลดลงมาอยู่ในระดับปกติแล้ว โดยทางออนไลน์ ราคา

มีตั้งแต่ชุดละ 38 บาท 45 บาท 73 บาท หรือกว่า 100 บาท ส่วนร้านขายยา ราคาหลากหลายเช่นกัน ตั้งแต่ชุดละ 40 บาท 95 บาท หรือกว่า 100 บาท คาดว่า ราคาจะทรงตัวในระดับนี้ หรืออาจจะลดลงได้อีก หากมีการนำเข้ามาขายในตลาดมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังถือว่า ชุดตรวจเอทีเค เป็นสินค้าควบคุมตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) และยังใช้มาตรการแจ้งข้อมูลและจัดทำบัญชีคุมสินค้าชุดตรวจเอทีเค โดยผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ค้า ต้องจ้งข้อมูลสินค้าต่อกรมการค้าภายใน ทั้งชื่อผลิตภัณฑ์ทางการค้า เลขรหัสสินค้า ล็อตที่ผลิต ขนาดบรรจุ กำลังการผลิต แหล่งนำเข้า ปริมาณการผลิต-นำเข้า-จำหน่าย ต้นทุน ค่าใช้จ่าย ราคาจำหน่าย ชื่อและที่อยู่ผู้ซื้อ และจัดทำบัญชีคุมสินค้า เพื่อให้กรมสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของราคา ปริมาณ และป้องกันการฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค หากไม่มีแจ้งจะมีความผิดเตามกฎหมาย และหากขายราคาสูงเกินสมควร หรือค้ากำไรเกินควร จะมีความผิดตามมาตรา 29 ตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการด้วย