พาณิชย์ดันเกษตรกรใช้เอฟทีเอส่งออกสินค้าเจาะโลก

.หลังประเทศคู่เอฟทีเอส่วนใหญ่ลดภาษีนำเข้าให้ไทย
.ควงสภาเกษตรกรลงพื้นที่เพชรบูรณ์สร้างความเข้าใจ
.พบสินค้ามีศักยภาพ 3 รายการทั้งผ้าทอ ไอศกรีม กาแฟ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2-4 มี.ค.66 ได้มอบหมายให้นางสาวบุณิกา แจ่มใส รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อพบหารือกับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าที่มีศักยภาพ ทั้งผ้าทอ ไอศกรีม และกาแฟ ภายใต้โครงการ “การเพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี” พร้อมจัดเวทีสัมมนาและวิเคราะห์สินค้า โดยมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำถึงการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) รวมถึงกฎระเบียบทางการค้า การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ และกลยุทธ์การทำตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์


สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้พบหารือกับผู้ประกอบการกลุ่มผ้าทอเพชปุระ อ.หล่มสัก ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการผ้าอัตลักษณ์ โดยมีจุดเด่นเป็นผ้าทอที่อนุรักษ์ลวดลายโบราณ เช่น ผ้าทอขิตลายดอกจันทร์ เป็นลายกราฟิก และย้อมผ้าด้วยสีจากธรรมชาติ อาทิ เปลือกไม้ประดู่ ใบครั่ง มะเกลือ และแก่นขนุน รวมทั้งยังได้เพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยกระบวนการ BCG ที่เน้นผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยนำเศษผ้าและชิ้นส่วนผ้า มาผลิตเป็นกระเป๋า สร้อยคอ ส่วนประดับตกแต่งในผ้าผืน และเสื้อผ้าสำเร็จรูป วางจำหน่ายในห้างโมเดิร์นเทรด และคิง เพาเวอร์ ถือเป็นสินค้าพรีเมียม ที่อนุรักษ์ผ้าไทยโบราณและต่อยอดภูมิปัญญาพื้นบ้าน ทำให้เกิดการสร้างอาชีพและนำรายได้เข้าสู่ชุมชน


นอกจากนี้ ยังได้พบหารือกับผู้ประกอบการ บริษัท บุณยเกียรติ ไอศกรีม จำกัด อ.เมืองเพชรบูรณ์ ภายใต้ไอศกรีมแบรนด์ “สาลี” เกรดคุณภาพผสมเนื้อผลไม้ไทย 40% อาทิ ทุเรียน มะม่วง และเสาวรส โดยวางจำหน่ายในท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และแบรนด์ “แพนด้า” วางจำหน่ายในร้านค้าชุมชน ร้านค้าแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด และพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ เชียงใหม่ ชัยภูมิ และยโสธร ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมส่งออกสินค้าไปตลาดจีนและกัมพูชา ซึ่งจะปักหมุดในห้างโมเดิร์นเทรด


ขณะเดียวกัน ได้หารือกับผู้ประกอบการไร่กาแฟจ่านรินทร์ อ.เขาค้อ โดยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟและผู้ประกอบการร้านกาแฟ โดยเฉพาะ อ.เขาค้อ และ อ.น้ำหนาว เกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โอกาสทางการค้า และแนวทางการพัฒนาสินค้าพรีเมียม เข้าสู่ตลาดการค้าเสรี ซึ่งเพชรบูรณ์ถือเป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อะราบิก้าคุณภาพ โดยเฉพาะ อ.เขาค้อ ที่มีพื้นที่ปลูกกาแฟ 886 ไร่ ผลผลิต 70 ตันต่อปี รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม และมีร้านกาแฟจำนวนมาก สอดรับกับเทรนด์และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค


“การลงพื้นที่ครั้งนี้ กรมได้ทำงานร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และสำนักงานสภาเกษตรกร โดยมุ่งส่งเสริมสินค้าที่มีศักยภาพในจังหวัดเพชรบูรณ์ ให้สามารถใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ ขยายส่งออกสินค้าไปตลาดการค้าเสรี ซึ่งปัจจุบันประเทศคู่เอฟทีเอของไทย ได้ยกเว้นเก็บภาษีนำเข้าให้กับสินค้าส่วนใหญ่ของไทยแล้ว รวมถึงการให้ความรู้และคำแนะนำตั้งแต่กระบวนการผลิตต้นน้ำจนถึงตลาดปลายน้ำ เพื่อให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และมีตลาดรองรับที่แน่นอน”