พลังประชารัฐเตรียมประกาศตัว ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ. 14 จังหวัดภาคใต้

  • “ผู้การชาติ”ลั่น! พัฒนาสงขลาเป็นศูนย์กลาง
  • ชาวสงขลาแห่ให้กำลังใจเพียบ

ที่โรงแรมไดอิชิ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้มีการจัดงาน ผูกพันรวมพลัง สนับสนุนคนดีที่เรารักเราชอบ ผู้การสุชาติ จันทรโชติกุล เพื่อเปิดตัว พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ผู้ก่อตั้งพรรคและผู้ประสานงานพรรคพลังประชารัฐภาคใต้ ลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา โดยมีชาวสงขลาสนใจมาร่วมงานหลายร้อยคน

พล.อ.สุชาติ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเห็นชอบให้ส่งผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่า จะมีการเลือกตั้งประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยในภาคใต้ตนได้รับการมอบหมายให้รับผิดชอบคัดเลือกบุคคลลงสมัคร ซึ่งตอนนี้ได้ครบแล้วทั้ง 14 จังหวัด รอประกาศรายชื่อในเร็วๆนี้

“ส่วนตัวได้แจ้งกับนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาว่า ไม่ถนัดในการทำงานส่วนกลาง (ตำแหน่งรัฐมนตรี) ขอทำงานในพื้นที่ เพื่อสร้างฐานมวลชนให้กับพรรค เพราะพรรคพลังประชารัฐที่ผ่านมาได้ส.ส.มาส่วนหนึ่งจากกระแส จึงจำเป็นต้องสร้างฐานประชาชนรองรับ เพื่อการขับเคลื่อนพรรคในระยะยาว โดยตัดสินใจลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และได้แจ้งให้คุณนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และคุณถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคมไปว่า ในจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ มีรัฐมนตรี 2 คนแล้ว ตำแหน่งนายกอบจ.ขอให้พรรคพลังประชารัฐ” พ.อ.สุชาติ กล่าว

พ.อ.สุชาติ กล่าวว่า ก่อนหน้าการเลือกตั้ง ส.ส. ได้ลาออกจากสปท.มาตั้งพรรคพลังประชารัฐ และทำพื้นที่ในจังหวัดสงขลามานาน 2 ปี และหลังจากเลือกตั้ง ส.ส.แล้ว ยังคงลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อขอการสนับสนุนจากชาวสงขลา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง

“ผมมีเป้าหมายต้องการให้สงขลาเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ในทุกมิติ โดยเฉพาะการสร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนในพื้นที่ๆมีปัญหารายได้มานานหลายปี จะเห็นว่าในระยะหลังสงขลาค่อนข้างเงียบเหงา นักท่องเที่ยวเดินทางผ่านสงขลาไปยังเมืองรองอย่างพัทลุงกันมาก จึงต้องการสร้างสงขลาให้กลับมาคึกคัก นำรายได้เข้าจังหวัดให้ชาวสงขลาอยู่ดีกินดี เป้นส่วนหนึ่งที่คิดไว้ รายละเอียดของนโยบายจะประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป” อดีตส.ส.สงขลา เมื่อปี 2535 กล่าว

สำหรับการคัดเลือกบุคคลลงสมัครสมาชิกสภาจังหวัด ได้คัดเลือกไว้ประมาณ 30 คน จากทั้งหมด 36 คน โดยเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหมด ซึ่งมีผู้สมัครเข้ามามาก จึงต้องคัดเลลือกอย่างรอบคอบ ให้ได้คนที่เสียสละทำงานเพื่อชาวบ้านอย่างแท้จริงไม่ใช่เข้ามาเพื่อหาประโยชน์ส่วนตัวเหมือนยุคก่อนๆ