“ผู้ว่าฯภูเก็ต”สั่งปิดรร.ทั้งเกาะ พร้อมให้ปรับเรียนออนไลน์ 100%



วันที่ 10 ก.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก “สสจ.ภูเก็ต” โพสต์ข้อความระบุว่า คำสั่งจังหวัดภูเก็ตที่ 3859/2564 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติม คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 3373/2564 เรื่อง ผ่อนคลายการปิดสถานที่ และกำหนดมาตรการป้องกัน เฝ้าระวัง และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ 2)

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปเป็นระยะจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 และคำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 3377/2564 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ไปแล้ว นั้น

เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอยู่ในความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะวิกฤติต้านสาธารณสุข เห็นได้จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีจำนวนมากกว่าหลายพันรายต่อวัน และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากไม่เร่งจัดการอาจกระทบต่อระบบบริการทางสาธารณสุข อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 มาตรา 35 และมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 (ฉบับที่ 20) ลงวันที่16 เมษายน 2564 ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ 41/2564 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2564 จึงยกเลิก ข้อความ 1. ในข้อ 1ของคำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 3377/2564 ลงวันที่ 23 มีถุนายน 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้ แทน

1.ให้สถานศึกษาทุกแห่งทุกสังกัตในจังหวัดภูเก็ต ทั้งในระบบและนอกระบบ ซึ่งอยู่ในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน มหาวิหยาลัย และสถาบันกวดวิชา ทุกแห่งงดการจัดการเรียนการสอน และงดการจัดกิจกรรมใด ๆ ที่ต้องมีการรวมกลุ่มของนักเรียน นักศึกษา

2.ให้สถานศึกษา มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาทุกสังกัด ให้มีการเรียนการสอนด้วยการไม่ต้องเข้าชั้นเรียนตามรูปแบบที่ตันสังกัดกำหนดหรือรูปเบบที่เหมาะสมตามที่กำหนด โดยปรับการเรียนการสอนเป็นระบบออนไลน์

อนึ่ง เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้ไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณขนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะจึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโด้แย้งตามมาตรา 3.
วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539

หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ อาจเป็นความผิดตามมาตรา 51 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือมาตรา 52 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับแห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และอาจได้รับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ