ผิดหวังผลประกอบการออกมาไม่สวย ดัชนีดาวโจนส์ปิดติดลบ

  • นักลงทุนผิดหวัง “โบอิ้ง-แคทเธอร์พิลลาร์” รายได้ต่ำ
  • สวนทางหุ้นกลุ่มชิพเด้งรับผลประกอบการดีดขึ้น
  • ดันแนสแด็ก-เอสแอนด์พี 500 สูงขึ้นทำลายสถิติอีกครั้ง

นักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างโบอิ้ง และแคทเธอร์พิลลาร์ ส่งผลดัชนีดาวโจนส์ปิดติดลบ ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท และดัชนีเอสแอนด์พี 500 ดีดตัวขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,269.97 จุด ลดลง 79.22 จุด หรือ -0.29% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท ปิดที่ 8,321.50 จุด เพิ่มขึ้น 70.10 จุด หรือ +0.85% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,019.56 จุด เพิ่มขึ้น 14.09 จุด หรือ +0.47%

ผลประกอบการบริษัทโบอิ้งที่ออกมาขาดทุน 5.82 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะมีกำไร 1.87 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น โดยมีสาเหตุจากการที่เครื่องบิน 737 MAX ยังคงถูกสั่งห้ามบิน ฉุดราคาหุ้นโบอิ้งปิดตลาดร่วงลง 3.12% และฉุดให้ตลาดดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนลบ เช่นเดียวกับหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ปิดตลาดดิ่งลง 4.48% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.83 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.12 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพดีดตัวขึ้น หลังจากบริษัทเท็กซัส อินสตรูเมนท์ เปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.22 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ช่วยหนุนดัชนีแนสแด็กและเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

โดยผลประกอบการเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ที่เพิ่มขึ้นแสดงมุมมองเป็นบวกว่า การชะลอตัวของอุปสงค์ไมโครชิพในตลาดโลกนั้น จะไม่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่ยาวนาน

หุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ทะยานขึ้น 7.4% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.26% หุ้นซิลลินซ์ (Xilinx) พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นบรอดคอม เพิ่มขึ้น 1% หุ้นสกายเวิร์คส์ โซลูชั่น เพิ่มขึ้น 2.14% หุ้นควอลคอมม์ พุ่งขึ้น 2.36% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.7% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) เพิ่มขึ้น 1.85%

หุ้นเอทีแอนด์ที ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์ไร้สายรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 1.58% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่ระดับ 4.496 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.485 หมื่นล้านดอลลาร์ หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 1.14% หลังจากบริษัทยินยอมจ่ายค่าปรับจำนวน 5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 155,000 ล้านบาท เพื่อยุติการสอบสวนกรณีที่เฟซบุ๊กปล่อยให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานรั่วไหล