ผิดหวังตัวเลขเศรษฐกิจ ดาวโจนส์พลิกปิดติดลบ

  • หุ้นธุรกิจสุขภาพปรับตัวร่วงแรงกดดัชนีดาวโจนส์
  • หุ้นพลังงาน-เทคโนโลยีเขียวช่วยแนสแด็กส์ปิดบวก
  • จับตาความคืบหน้ายุติสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ

ตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวน ดัชนีดาวโจนส์ กลับมาปิดในแดนลลบ หลังเปิดตลาดมีแรงซื้อเข้ามาทำให้ตลาดดีดกลับมาเป็นบวก แต่ตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐที่อ่อนแรงลงในเดือนพ.ค. และการเทขายหุ้นในกลุ่มธุรกิจสุขภาพ เป็นปัจจัยลบของตลาดวานนี้ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยียังคงเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น หนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาด ลดลง 11.40 จุด ที่ 26,536.82 จุด หรือ -0.04% ขณะที่ดัชนีเอสแอนดีพี 500 ปิดที่ 2,913.78 จุด ลดลง 3.60 จุด หรือ -0.12% ส่วนดัชนีแนสแด็กส์กลับมาเป็นบวกได้จากแรงหนุนของหุ้นเทคโนโลยีและพลังงาน ปิดที่ 7,909.97 จุด เพิ่มขึ้น 25.25 จุด หรือ +0.32%

ดัชนีดาวโจนส์พลิกกลับมาปิดในแดนลบต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจในตัวเลขเศรษฐกิจ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ ลดลง 1.3% ในเดือนพ.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อในกลุ่มขนส่ง

ขณะที่หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพที่ปรับตัวลงเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดลง โดยหุ้นไฟเซอร์ ร่วงลง 1.8% หุ้นเมิร์ค แอนด์ โค ร่วงลง 2% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ลดลง 1.5% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 1.1% ส่วนบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ อย่างซิกนา คอร์ป และยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ราคาหุ้นดิ่งลง 2% และลดลง 1.7% ตามลำดับ

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเกือบ 3% ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด ส่งผลให้ราคาปรับขึ้นยกแผง รวมทั้งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ทะยานขึ้น 13.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นเฟดเอ็กซ์ พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของปริมาณการขนส่งในสหรัฐ

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการพบปะกันระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง นอกรอบการประชุม G20 ที่นครโอซากาของญี่ปุ่นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยตลาดเริ่มมีมุมมอใน 2 ทิศทาง

ทั้งมุมองที่เป็นบวกหลังจากนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐและจีนใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าแล้ว พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนจะสมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้าในการประชุมครั้งนี้ ในขณะที่ยังลังเลถึงคำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ระบุว่า มีความสุขกับรายได้ก้อนโตของสหรัฐฯ และตลาดในประเทศที่คึกคักขึ้น หลังการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน