

วันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณี พบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียที่แคมป์คนงานก่อสร้าง เขตหลักสี่ จำนวน 36 ราย จำนวนนี้เป็นคนไทย 21 ราย คนงานชาวเมียนมา 10 ราย และกัมพูชา 5 ราย เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดนพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวในรายการ NBT รวมใจ ถ่ายทอดสดจากทำเนียบรัฐบาล ถึงการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียในประเทศไทย ว่า สำหรับสายพันธุ์อินเดียที่พบสัปดาห์ที่แล้ว 36 ราย ในแคมป์ก่อสร้างที่หลักสี่ ขณะนี้พบเพิ่มเป็น 62 ราย
นพ.ศุภกิจเผยว่า โควิดสายพันธุ์อินเดียแพร่กระจายเชื้อได้เร็วพอกับสายพันธุ์อังกฤษ ส่วนความรุนแรงแม้ข้อมูลยังไม่มาก แต่คาดว่าไม่แตกต่างกัน ส่วนวัคซีนป้องกันก็ยังใช้ได้
สำหรับกรณีที่มีการให้ข้อมูลว่า โควิดสายพันธุ์อินเดีย ตรวจหาเชื้อด้วยวิธีแยงโพรงจมูกไม่ได้นั้น ยืนยันว่า ทั้ง 62 ราย ที่ตรวจเจอ ใช้วิธีแยงจมูกทั้งสิ้น เตือนประชาชนว่าหากใครบอกอะไรก็ต้องฟังหูไว้หู
“เรายืนยันว่าไม่ได้หลบหายไปไหน และความหนักหน่วงก็ไม่ได้มาก เพราะผู้ป่วย 62 ราย อัตราป่วยหนักก็ไม่ต่างกับสายพันธุ์อังกฤษทั่วไป
สำหรับสายพันธุ์แอฟฟริกาใต้ที่พบเมื่อวันเสาร์ เริ่มจาก 3 รายแรก หลังจากนั้นพบเพิ่มอีก 8 ราย ซึ่งยังอยู่ใน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส อย่างไรก็ตาม ได้ขอตัวอย่างเชื้อเพิ่มเติมใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ จ.พัทลุง เพื่อตรวจสอบว่าเชื้อได้กระจายไปในพื้นที่อื่นหรือยัง จึงขอให้ประชาชนช่วยกัน อย่าเดินทางไปไหน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาของสายพันธุ์แอฟฟริกาใต้
ทั้งนี้ข้อมูลในประเทศไทยยังไม่มากพอที่จะระบุว่าสายพันธุ์แอฟริกาใต้มีความรุนแรงอย่างไร แต่มีงานวิจัยในที่อื่นพบว่า มีความรุนแรงมากขึ้น ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี จึงต้องเฝ้าระวังต่อไป
“สายพันธุ์แอฟฟริกาใต้มีอิทธิฤทธิ์มากกว่า 2 ตัวแรก คือสายพันธุ์อังกฤษและอินเดีย ภูมิคุ้มกันเดิมที่เคยมีต่อเชื้อโควิด-19 ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์แอฟฟริกาใต้ได้มากนัก จึงเป็นเรื่องที่กังวลว่า วัคซีนจะไม่สามารถจัดการกับมันได้มากเท่าเดิม” นพ.ศุภกิจกล่าว