

- คนอคส. 2 รายร่วมทำผิดกับ “พ.ต.อ.รุ่งโรจน์”
- เบื้องต้นพบความผิดทางแพ่ง-อาญา-วินัยร้ายแรง
- รอ ป.ป.ช.ชี้มูล “บิ๊กอคส.” ผู้สั่งการเบื้องหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้ตรวจสอบกรณีที่พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) และพวก จัดซื้อถุงมือยางไนไตร 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และอคส.จ่ายเงินค่ามัดจำสินค้า 2,000 ล้านบาทให้กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ผู้ผลิตถุงมือยาง แล้วเสร็จ และส่งผลตรวจสอบให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อนวยการอคส.แล้ว ล่าสุด อคส.ได้ส่งผลสอบดังกล่าวให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกอบการพิจารณาคดี ที่ป.ป.ช.อยู่ระหว่างดำเนินการ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ พิจารณาแล้ว
สำหรับผลการสอบ สรุปได้ว่า มีเจ้าหน้าที่อคส. ซึ่งอยู่ในระดับนักบริหาร 8 จำนวน 2 คนเกี่ยวข้องกับการกระทำของพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ส่วนพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พบมีพฤติกรรมดังนี้ ใช้อำนาจพิจารณาอนุมัติโครงการจัดซื้อถุงมือยาง ทั้งๆ ที่ตามข้อบังคับอคส.ว่าด้วยการค้าข้าว พืชผล และสินค้าต่างๆ เพื่อการค้าปกติพ.ศ.2526 ถ้าวงเงินที่จะจัดซื้อสินค้า เกินอำนาจที่ผู้อำนวยการอคส.จะอนุมัติได้ หรือเกินกว่า 25 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท ให้เสนอขออนุมัติต่อประธานกรรมการ อคส. (บอร์ดอคส.) ก่อน แต่กรณีนี้ถึง 2,000 ล้านบาท พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ไม่ได้เสนอให้พิจารณาเลย
นอกจากนี้ ยังไม่เสนอเรื่องการจัดซื้อครั้งนี้ให้บอร์ดอคส.พิจารณาอนุมัติ แต่กลับใช้ดุลพินิจตีความกฎหมาย เพื่อให้ตนเอง ซึ่งเป็นรักษาการผู้อำนวยการ มีอำนาจพิจารณาอนุมัติจัดซื้อและจ่ายเงินค่าถุงมือยางเอง อีกทั้งจงใจใช้อำนาจผู้อำนวยการ ทำสัญญาซื้อถุงมือยางกับการ์เดียนโกลฟส์ และทำสัญญาขายกับผู้ซื้อ 7 ราย โดยที่สัญญานั้น ไม่ผ่านการพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ถือเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 35 เรื่องการปรับปรุงแก้ไขมติครม.เกี่ยวกับการส่งร่างสัญญาให้อสส.ตรวจพิจารณา
ขณะเดียวกัน ยังทำสัญญาให้อคส.เสียเปรียบ โดยสัญญาที่ทำกับการ์เดียนโกลฟส์ กำหนดให้อคส.ชำระเงินค่าสินค้าล่วงหน้า 3 วันนับแต่วันลงนามในสัญญา แต่กลับให้การ์เดียนโกลฟส์ ส่งมอบหลักประกันให้อคส.ภายใน 7 วัน เป็นเหตุให้อคส.ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า 2,000 ล้านบาทก่อนได้รับวงเงินประกันสัญญา ทั้งที่โดยปกติ ต้องส่งมอบหลักประกันในวันทำสัญญา และยังไม่กำหนดงวดการส่งมอบถุงมือยาง รวมถึงไม่ทำตามระเบียบอคส.ว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติพ.ศ.2561 ซึ่งก่อนจัดซื้อจัดจ้าง ต้องทำรายงานความจำเป็น และรายละเอียดต่างๆ ของการจัดซื้อเสนอให้ผู้อำนวยการพิจารณาอนุมัติ แต่กรณีนี้ ไม่เสนอเรื่อง และไม่ประกาศเชิญชวนให้เสนอราคาจัดซื้อด้วย
ดังนั้น นายเกรียงศักดิ์ จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยบุคคลทั้งหมดแล้ว โดยให้แล้วเสร็จใน 30 วัน หากพบว่า มีความผิดทางวินัยจริง จะตั้งคณะกรรมการขึ้นอีก 1 ชุด เพื่อพิจารณาลงโทษทางวินัย ในเบื้องต้น ทั้ง 3 ราย เข้าข่ายมีความผิดวินัยร้ายแรง แต่อคส.อาจมีคำสั่งให้พักงานไปก่อนจนกว่าการพิจารณาคดีทางอาญาจะสิ้นสุด
สำหรับทั้ง 3 ราย ในเบื้องต้น จะมีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2502 มาตรา 11 พนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ยังผิดตามพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญาพ.ศ.2499 มาตรา 151 เจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท รวมถึงมาตรา 157 เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม อคส.พบว่า ผลสอบดังกล่าว ยังสาวไม่ถึงตัวบุคคลสำคัญในอคส.ที่เป็นผู้สั่งการให้ทั้ง 3 รายจัดซื้อถุงมือยาง ทั้งๆ ที่ เจ้าหน้าที่อคส.ทั้ง 3 รายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ได้ซัดทอดไปแล้วว่าเป็นผู้สั่งการ แต่เชื่อว่า การพิจารณาของป.ป.ช.จะสาวถึง และน่าจะชี้มูลความผิดบุคคลสำคัญรายนี้ได้อย่างแน่นอน