ปี 63 นักศึกษาอเมริกันใช้กัญชาสูงสุดในรอบ 40 ปี

  • ใช้สารหลอนประสาทเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 25
  • แต่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์-สูบบุหนี่ลดลง
  • คาดอานิสงส์โควิดระบาดรัฐบาลล็อกดาวน์

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงานการเฝ้าติดตามอนาคต (Monitoring the Future) ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา จากการเก็บข้อมูลของกลุ่มนักศึกษา และกลุ่มที่ไม่ใช่นักศึกษา อายุระหว่าง 19-22 ปี ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.-30 พ.ย.63 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯใช้มาตรการล็อกดาวน์นั้น พบว่า ในปี 2563 ปริมาณการใช้กัญชารายวันของนักศึกษาสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในรอบ 40 ปี

โดยพบว่า ปี 63 ปริมาณการใช้กัญชารายวัน หรือการใช้กัญชา 20 ครั้งขึ้นไปในระยะ 30 วันของหมู่นักศึกษา อยู่ที่ 7.9% สูงขึ้น 3.3 จุด ขณะที่กลุ่มที่ไม่ใช่นักศึกษา อยู่ที่ 13% ลดลงจากสถิติสูงสุดเมื่อปี 2562 ที่อยู่ที่ 15% ขณะเดียวกัน การใช้กัญชารายปีของกลุ่มนักศึกษาอยู่ที่ 44% สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 หรือตั้งแต่ปี 2523 เป็นต้นมา ส่วนกลุ่มที่ไม่ใช่นักศึกษาอยู่ที่ 43%

นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า ปริมาณการใช้สารหลอนประสาท เช่น แอลเอสดี เห็ดขี้ควาย และสารที่ทำให้ประสาทหลอนชนิดอื่นๆ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมู่นักคึกษา ซึ่งอยู่ที่ 8.6% ต่อปี ระหว่างปี 62-63 สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2525 เป็นต้นมา ส่วนกลุ่มที่ไม่ใช่นักศึกษา อยู่ที่ 9.8% สูงสุดในรอบ 20 ปี

ขณะเดียวกัน ยังพบอีกว่า ในปี 2563 ปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และของมึนเมาในรอบ 30 วันของกลุ่มนักศึกษาลดลง โดยอยู่ที่ 56% และ 28% ตามลำดับ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 อีกทั้งปริมาณการสูบบุหรี่ในรอบ 30 วัน ยังลดลงด้วยเช่นกัน โดยในกลุ่มนักศึกษา อยู่ที่ 4.1% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และลดจากปี 2562 มากถึง 3.8 จุด ส่วนกลุ่มที่ไม่ใช่นักศึกษา อยู่ที่ 13% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน