- เอกชน–นักวิชาการชี้กระทบเชื่อมั่นรัฐบาล–เศรษฐกิจไทย
- ไม่มั่นใจทีมศก.-รัฐบาลทำงานมีเสถียรภาพ–สอดคล้องกันหรือไม่
- ชี้การทำงานสะดุดแน่นอน หวั่นแก้ปัญหาเศรษฐกิจลากยาว
นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และรองประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เปิดเผยถึงกรณีที่นายปรีดี ดาวฉาย รมว.คลัง ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ภายหลังการถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อวันที่ 12 ส.ค.63ว่า รู้สึกแปลกใจมากกับการลาออก เพราะเพิ่งรับตำแหน่งได้เพียงไม่กี่สัปดาห์และยังไม่รู้ว่า นายกรัฐมนตรียับยั้งการลาออกหรือไม่ ซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล และภาวะเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยรัฐบาลต้องออกมาชี้แจงให้สังคม โดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจ เข้าใจถึงเหตุผลที่แท้จริงของการลาออกด้วย
“ภาคเอกชนเชื่อมั่นว่า นายปรีดีจะเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของรัฐบาลในเรื่องการเงิน เพราะเป็นนักการเงินคนสำคัญคนหนึ่ง ที่มีความรู้ ควมสามารถ และเป็นบุคคลที่นายกรัฐมนตรีคัดเลือกมาเอง ไม่ได้มาจากโควตาของพรรคการเมืองใด การลาออกครั้งนี้ เท่ากับขาดกำลังหลักในการทำงาน และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจขาดช่วงแน่นอนซึ่งขณะที่ให้สัมภาษณ์นี้ ยังไม่รู้ว่า นายกรัฐมนตรียับยั้งหรือไม่ ถ้ามสมมติว่ายับยั้งได้ และนายปรีดีอยู่ต่อ จะมีเงื่อนไขการทำงานในลักษณะใดหรือไม่ ถ้าไม่ได้ และนายกรัฐมนตรีต้องทาบทามคนใหม่ จะใช้เวลานานแค่ไหน และคนใหม่จะมีความรู้ ความสามารถขนาดไหน จะเกิดช่วงสุญญากาศในการทำงานแน่นอน”
ด้านธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ข่าวการลาออกครั้งนี้ ถือเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ของสังคม และตามมาด้วยคำถามที่ว่า ทำไมลาออกรวดเร็วแบบนี้ เพราะเพิ่งรับตำแหน่งในเวลาเพียงกี่วัน จากนั้นผู้คนก็จินตนาการถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และเหตุผลที่แท้จริงของการลาออก เกิดอะไรขึ้นกับการทำงาน การบริหารนโยบายเศรษฐกิจ รวมถึงคิดไปถึงอนาคตว่า รัฐบาล และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร นโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะไปในทิศทางใด ซึ่งตนมองว่า การเปลี่ยนแปลงแบบไม่คาดฝัน และรวดเร็วในตำแหน่งสำคัญ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวรัฐบาล และภาวะเศรษฐกิจของไทยแน่นอน เห็นได้จากตลาดหุ้นติดลบทันทีที่ตลาดได้ข่าวนี้
“ชัดเจนว่า พอมีข่าวนี้ออกไป ตลาดหุ้นตกทันที มีผลต่อความเชื่อมั่นแน่นอน ทั้งต่อนักลงทุน และประชาชน เพราะตำแหน่งรมว.คลังตอบโจทย์ทุกอย่างของรัฐบาล แต่ขณะนี้ สังคมอยากรู้ความชัดเจนถึงเหตุผลของการลาออก ถ้าเพราะปัญหาสุขภาพ ก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่น ทำให้ตั้งคำถามได้ว่า การทำงานของทีมเศรษฐกิจ และรัฐบาลมีเสถียรภาพ สอดคล้องในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ถ้าสอดคล้องกันก็จะเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ถ้าไม่สอดคล้อง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช้าลงได้ นอกจากนี้ ถ้าการลาออกมีผลจริงๆ แล้ว คนใหม่จะเป็นใคร การทำงานจะมีเสถียรภาพหรือไม่ การลาออกแบบนี้จะอีกหรือไม่ ถือเป็นความท้าทายการทำงานของรัฐบาลมาก”
