“บิ๊กตู่” สั่งเร่งฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด-วางแผนฉีดเข็มกระตุ้น 3-4 พร้อมฉีดกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี

  • ด้าน ศบค. ปรับระดับพื้นที่ควบคุม 69 จังหวัด
  • นำร่อง 8 จังหวัดท่องเที่ยว สถานบันเทิง เปิดในรูปแบบร้านอาหารได้ 
  • ย้ำต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ก่อน 15 ม.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ม.ค. 65) เวลา 09.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และ รมว.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) เห็นชอบ ปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่ 9 ม.ค. 65 พื้นที่ควบคุม 69 จังหวัด และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 8 จังหวัด ขยายระยะเวลา WFH ออกไปถึง 31 ม.ค. 65  สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ให้เปิดในรูปแบบร้านอาหาร โดยต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ก่อนวันที่ 15 ม.ค. 65 ทั้งนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ 

นายกรัฐมนตรี ขอบคุณ ศบค. ที่ได้ร่วมกันทำงานอย่างเต็มกำลัง ทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตที่เกิดขึ้นในปี 2564 ได้ จนได้รับการยอมรับและยกย่องให้เป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งของระบบสาธารณสุขอันดับ 5 ของโลกอย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่ยุติลง ยังพบการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19  ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งทำให้หลายประเทศดำเนินมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น หลายประเทศกลับไปใช้มาตรการ Lock Down อีกครั้ง โดยที่ไทยยังพบการระบาดจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจากนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย 

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 และการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่ได้รับความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข ขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ดำเนินการอย่างเข้มแข็ง ทั้งนี้ ทุกคนทราบดีว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโอมิครอน มีการแพร่ระบาดที่รวดเร็วขึ้น โดยข้อมูลจาก WHO ระบุว่าสายพันธุ์โอมิครอนติดเชื้อได้เร็ว แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า จึงต้องหาแนวทางประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน ให้มีความรู้ความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตื่นตระหนก และให้เกิดการให้ความร่วมมือ โดยขอให้ ศปก.สธ. และ ศปก.ศบค. เตรียมความพร้อมทางด้านสาธารณสุขของไทย ทั้งเรื่องวัคซีน ยา เวชภัณฑ์ การครองเตียงต่าง ๆ ให้พร้อม ชุดตรวจ ATK ยารักษาที่จำเป็น ที่ต้องมีเพียงพอ 

รวมทั้งเตรียมโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย HI / CI ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมาก เพื่อให้สามารถดูแลช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว เร่งรัดแผนการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด ซึ่งในปี 2564 สามารถฉีดวัคซีนไปได้ประมาณ 105 ล้านโดส ดังนั้น ต้องวางแผนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็ม 3 และเข็ม 4 และการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กนักเรียนอายุต่ำกว่า 12 ปีด้วยวัคซีนที่ได้รับการรับรองแล้ว เพื่อจะช่วยลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 ได้ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์อะไรก็ตาม 

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการท่องเที่ยวจากต่างประเทศว่า ถ้าดูจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ยังคงมีจำนวนไม่มากนัก เพราะประเทศต่าง ๆ ยังคงไม่ให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศ จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชน สถานประกอบการ สถานที่ท่องเที่ยว ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันแบบครอบจักรวาลUniversal Prevention และ Covid Free Setting รวมถึงการปฏิบัติงานที่บ้าน Work From Home ซึ่งควรต้องมีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาระบบติดตามตัว แอปพลิเคชันหมอพร้อม หมอชนะให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องต่อไป พร้อมกับนายกรัฐมนตรีย้ำว่าประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อไป โดยต้องระมัดระวังอย่างที่สุดเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น และนายกรัฐมนตรียังห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยขณะนี้ ย้ำให้ความสำคัญในพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ ทั้งชุมชน ชุมชนแออัด ที่ส่วนท้องถิ่นต้องช่วยกันดูแล โดยขอให้หน่วยงานในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ร่วมมือการแก้ปัญหาอย่างเข้มแข็งต่อไป

สำหรับมติที่ประชุม ศบค. ที่สำคัญ มีมติเห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2565 เป็นต้นไป ดังนี้ 

– พื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด 0 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด 0 จังหวัด พื้นที่ควบคุม 69 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง 0 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวัง 0 จังหวัด และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 8 จังหวัด 

– ขยายระยะเวลา WFH (Work From Home) ออกไปถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 ทั้งนี้ ต้องไม่กระทบต่อบริการประชาชนและการดำเนินงานขององค์กร 

– การปรับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ  สถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ ให้เปิดในรูปแบบร้านอาหาร โดยต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ก่อนวันที่ 15 ม.ค. 65 และเริ่มเปิด 16 ม.ค. 65 

– การกำหนดมาตรการป้องกันควบคุมโรคเพิ่มเติมพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว สำหรับการบริโภคสุราในร้านอาหารโดยกำหนดเวลาไม่เกิน 21.00 น. และ ต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus เท่านั้น 

รวมถึงยังเห็นชอบการปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยเห็นชอบ 

– ยกเลิก การกำหนดกลุ่มประเทศเสี่ยงในการเข้าราชอาณาจักร คือประเทศในทวีฟแอฟริกาทั้งหมด สามารถเข้ามาได้เหมือนประเทศอื่น ๆ และตามแนวทางที่กำหนดแต่ละรูปแบบ ตั้งแต่ 11 ม.ค. 65 

– เปิดรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 3 จังหวัด/พื้นที่ ตั้งแต่ 11 ม.ค. 65 ได้แก่สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) พังงา และกระบี่ (ทั้งจังหวัด) โดยผู้เดินทางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด 

– ระงับการลงทะเบียนเข้าราชอาณาจักรในรูปแบบ Test and Go ออกไปก่อน จะมีการประเมินสถานการณ์และพิจารณาอีกครั้ง ส่วนผู้ที่ได้รับอนุมัติ Test and Go ที่ค้างยู่ในระบบ ให้สามารถเดินทางเข้ามาได้ภายหลังวันที่ 15 ม.ค. 2565