“นพ.ชลน่าน” ปรี๊ดแตก หลังถูก สส.ก้าวไกล ชี้ตระบัดสัตย์จนต้องลาออก

“ปิยณัฐ” สส.ก้าวไกล จัดหนัก! “หมอชลน่าน” ตระบัดสัตย์ลาออกจากหัวหน้าพรรค ขึ้นนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแทน

  • ด้าน นพ.ชลน่าน ลั่นลาออกเพราะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนได้พูดไว้
  • ตอกกลับก้าวไกล หากเข้าใจระบบเสียงข้างมาก คงได้นั่งเป็นรัฐบาลได้แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2566 เมื่อเวลา 23.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 เป็นวันที่ 2 นั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้วรมว.สาธารณสุข ได้มีการลุกขึ้นชี้แจงหลังถูกพลาดพิง กรณีนายปิยณัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายโดยไม่เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้ จะกล้าหาญพอที่จะดำเนินนโยบายตามที่ได้แถลงไว้ หากยังจำกันได้มีอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ไปเป็นรัฐมนตรีอยู่ในเวลานี้ ตระบัดสัตย์จนต้องลาออก จากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อเปิดทางไปผสมข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล โดยจากนั้นไม่นาน ก็ได้ปูนบำเหน็จเป็นรัฐมนตรี

จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ขอให้ถอนคำว่าตะบัดสัตย์ เป็นคำที่เสียดสีแม้จะไม่บอกว่าเป็นใครแต่บอกว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็รู้ ซึ่งนายปิยณัฐก็ยอมถอน และเปลี่ยนเป็นโกหกแทน

ด้าน นพ.ชลน่าน ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ได้ลุกขึ้นใช้สิทธิ์หลังถูกพาดพิงว่า การกล่าวหาว่าตระบัดสัตย์จนต้องลาออก เป็นคำพูดที่ถือว่ากล้าหาญ ที่นำคำพูดมาใช้ในที่ประชุมรัฐสภา เพราะเงื่อนไขที่ตนได้กระทบไปถ้าตระบัดสัตย์แล้วลาออกก็ย้อนแย้งกันอยู่ในตัว ขอชี้แจงว่า ตนต้องลาออกเพราะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนได้พูดไว้  ถ้าตนรับผิดชอบในสิ่งที่พูดไว้ถือว่าเป็นการตระบัดสัตย์ ความคิดและนิยามอย่างนี้น่าจะเป็นวาทกรรม ที่ทำให้สังคมเจ็บป่วยอย่างมาก 

“เป็นการเจ็บป่วยทางสติปัญญา ที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง เพราะสุขภาวะอย่างนี้ คนกลุ่มหนึ่งสร้างความเจ็บป่วยในสังคมทำให้สังคมแตกแยก ประชาชนโดยรวมบาดเจ็บ ประเทศชาติเสียหาย วาทะกรรมอย่างนี้ทำให้ตนเสียหาย และการที่ตนลาออกกับการรับตำแหน่งรัฐมนตรี” 

นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า ถ้าผู้อภิปรายได้ตระหนักรู้ในระบบรัฐสภา ระบบเสียงข้างมากจะเข้าใจในบริบท เพราะเป็นคนละเงื่อนไข ถ้าไม่ยอมรับเสียงข้างมาก ยอมรับด้วยความเป็นไปตามอำเภอใจท่านได้เป็นรัฐบาลไปแล้ว ถ้าท่านไม่ยอมรับท่านอยู่ในระบบนี้ไม่ได้ ที่สำคัญระบบเสียงข้างมากที่ศักดิ์สิทธิ์ คือระบบเสียงข้างมากที่ห่วงความปลอดภัยของประชาชน ถ้ามีเงื่อนไขที่เป็นอันตรายต่อประชาชน เสียงข้างมากปฏิเสธท่านแน่นอน แต่ที่ผู้อภิปรายเปลี่ยนถ้อยคำเป็นว่าโกหกก็ขอให้ถอนด้วย เพราะไม่เป็นเรื่องที่โกหก

จากนั้นทางด้านนายปิยณัฐ ได้มีการลุกขึ้น เพื่อจี้ให้ นพ.ชลน่าน ชี้แจงให้ชัดว่า ไม่ใช่ข้อเท็จจริงอย่างไรที่ลาออกแล้วไปเป็นรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ประธานรัฐสภา ได้วินิจฉัยว่า คำโกหกไม่ใช่คำที่เสียดสี แต่ นพ.ชลน่าน ไม่ยอม และต้องการให้นายปิยณัฐ ถอนคำว่าโกหก เพราะถ้ายังบันทึกไว้ สมาชิกก็จะตราหน้าว่า ตนเป็นคนโกหก ลาออกจากหัวหน้าพรรค เพื่อไปเป็นรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม ทางประธานรัฐสภา ยืนยันว่า ตนวินิจฉัยแล้วคำว่าโกหกไม่ต้องถอน แต่คำว่าตะบัดสัตย์ต้องถอน ซึ่งตนวินิจฉัยตั้งแต่แรกแล้ว แต่ นพ.ชลน่าน ไม่ยอม ยังขอชี้แจง แต่ประธานรัฐสภา แย้งว่า ตนวินิจฉัยแล้ว คำวินิจฉัยของประธานถือว่าเด็ดขาด ซึ่งหลังจบคำพูดของประธานรัฐสภาทำให้ นพ.ชลน่าน ถึงกับส่ายหน้าไม่พอใจ