- หวังดันรายได้ธพส.ถึง 1,000 ล้านบาทปี 64
- ตั้งเป้าสร้างให้คอนโดให้ถึง 10,000 ยูนิต
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กรมธนารักษ์ได้ กำหนดให้กับบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จํากัด (ธพส.) ลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพิ่ม นอกเหนือจากที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท โดยตั้งเป้าให้ธพส. สามารถส่งรายได้เข้าคลังเพิ่มขึ้น 10 เท่า ในปี 2564 ได้ถึงจำนวน 1,000 ล้านบาท จากเดิมนำส่งรายได้เข้าคลังปีละประมาณ 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ธนารักษ์ได้มอบหมายให้ ธพส. จัดทำโครงการห้องพักอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) สำหรับข้าราชการ โดยเลือกที่ดินราชพัสดุทำเลดีในกรุงเทพและจังหวัดต่างๆ ซึ่งเบื้องต้นกำหนดพื้นที่ขั้นต่ำต้องมีไม่น้อยกว่า 1 ไร่ สำหรับจัดทำห้องพักขนาด 40 ตารางเมตร(ตร.ม.) โดยในระยะแรกมีเป้าหมายที่จะสร้างอาคารชุด 12 ตึก อาทิ ในกรุงเทพ 3 ตึก นนทบุรี 3 ตึก และจังหวัดอื่นๆ เช่น อุดรธานี เป็นต้น จำนวน 1,000 ยูนิต
“โครงการนี้จะนำร่องบริเวณที่ดินย่านสุขุมวิท 61 ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสบางจากมากนัก โดยตึกนี้จะมีประมาณ 7 ชั้น จำนวน 76 ห้อง/อาคาร ซึ่งการก่อสร้างเฟสแรกนั้นไม่ต้องขออนุญาตการวิเคราะห์ผลประทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เพราะอาคารสูงไม่เกิน 7 ชั้น แต่ในเฟสต่อไปอาจต้องขออนุญาต EIA เพราะจะเพิ่มจำนวนชั้นที่พัก เพื่อให้ได้ห้องพักมากกว่าเฟสแรก โดยตั้งเป้าจะสร้างให้ถึง 10,000 ยูนิต”
ทั้งนี้เงื่อนไขเดิมผู้ที่มีสิทธิ์เช่าคอนโดมิเนียม กำหนดให้ข้าราชการของกระทรวงการคลัง มีสิทธิ์เช่าในสัดส่วน 70% ที่เหลือ 30 % เป็นข้าราชการกระทรวงอื่นๆ แต่เงื่อนไขใหม่ จะกลับกัน คือ ให้สิทธิ์ข้าราชการกระทรวงการคลัง 30 % และข้าราชการกระทรวงอื่น 70 % เพื่อกระจายสิทธิ์ไปให้ข้าราชการกระทรวงอื่นๆ ได้ประโยชน์มากขึ้น โดยโครงการนี้จะเปิดตัวต้นเดือนก.ค.นี้ และคาดว่าจะสามารถตอกเสาเข็มได้ปลายเดือนก.ค.63
สำหรับคุณสมบัติของข้าราชการที่ได้รับสิทธิ์จองซื้อ จะต้องไม่มีประวัติเสียอยู่กับเครดิตบูโร และมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท/เดือน โดยราคาต่อห้องชุดจะอยู่ที่ 999,999 บาท ผ่อนชำระเดือนละไม่เกิน 4,000 บาท ระยะเวลา 30 ปี ทั้งนี้กรม ได้หารือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แล้ว เพื่อให้ปล่อยกู้เต็มจำนวนวงเงิน ในอัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี
“เพื่อป้องกันข้าราชการที่มีฐานะดีและมีที่พักอยู่แล้ว มาใช้สิทธิ์จองซื้อเพื่อนำไปขายต่อหรือให้เช่าช่วง กรมและธพส. จะร่วมทำการร่างสัญญาการซื้อขายที่เข้มงวด โดยหากพบในภายหลังว่า มีการนำไปขายต่อหรือให้เช่าช่วง จะทำการยึดห้องพักในทันที”
ส่วนนโยบายการนำที่ราชพัสดุที่อยู่ในครอบครองของส่วนราชการมาบริหารให้เกิดประโยชน์ โดยการเปิดให้เอกชนเข้ามาเช่านั้น ได้นำร่องกับพื้นที่ของกองทัพบกแล้ว ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจวัดพื้นที่ และประเมินราคาค่าเช่า โดยสาเหตุที่ทำให้การดำเนินงานล่าช้า เนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นกรมคาดว่าจะสามารถเก็บค่าเช่าได้ในช่วงต้นปี 2564 ซึ่งจะส่งผลทำให้การจัดเก็บรายได้งบประมาณ 2564 เพิ่มขึ้นจากเป้าที่ตั้งไว้ 8,500 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท
