ทาสหมา-แมว โปรดทราบ! “ออริจิ้น” ปักธงลุยต่อเนื่องคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้

ออริจิ้น โชว์พอร์ตคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ 16 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท ชูขึ้นแท่นเบอร์ 1 ตลาด ลุยไม่หยุดปี 67 ปักหมุดเปิดเพิ่มไม่ยั้ง

  • พร้อมขยายอาณาจักร ORIGIN PET FAMILY เดินหน้าสร้างอีโคซิสเท็มเพื่อคนรักสัตว์เลี้ยง
  • เตรียมกระจายบุกทำเลใหม่ๆ เอาใจผู้บริโภค-ทาสหมา-ทาสแมว ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล
  • ชูจุดเด่นคอนโดรู้ใจสัตว์เลี้ยง เนรมิตผลิตภัณฑ์เฉพาะเพื่อน้องหมาน้องแมว

นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด ผู้พัฒนาโครงการกลุ่มสมาร์ทคอนโดมิเนียมในเครือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี 64 บริษัทได้เดินหน้าบุกตลาดคอนโดมิเนียมสำหรับกลุ่มที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Lover) อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่นิยมเลี้ยงสัตว์ในที่อยู่อาศัยมากขึ้น

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 66 บริษัทจะมีโครงการภายใต้แผนพัฒนาสะสมทั้งสิ้น 16 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณ 26,000 ล้านบาท ครอบคลุมหลากหลายแบรนด์ อาทิ บรอมพ์ตัน, บริกซ์ตัน, ดิ ออริจิ้น, ออริจิ้น เพลย์, ออริจิ้น ปลั๊กแอนด์ เพลย์ และ ออริจิ้น เพลส ส่งผลให้ปัจจุบัน บริษัทก้าวขึ้นมาเป็นผู้พัฒนาคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้สะสมในตลาดมากที่สุดอันดับ 1

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภคด้วยหลากหลายปัจจัย ได้แก่ 1.การเติบโตของเทรนด์ Pet Humanization ที่คนหันมาเลี้ยงสัตว์เสมือนลูกมากขึ้น โดยอัตราการเติบโตของสุนัขและแมวที่มีเจ้าของ จากปี 62 จนถึง 65 เพิ่มขึ้นถึง 64% สวนทางกับอัตราการเกิดใหม่ของเด็กที่มีอัตราลดลงถึง 20% ขณะเดียวกัน การเติบโตของเทรนด์ดังกล่าว ยังสะท้อนผ่านมูลค่าตลาดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี66 จะมีมูลค่าสูงถึง 56,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10-12%

2.ความสนใจเลี้ยงสัตว์ในคอนโดมิเนียม จากเดิมที่ผู้บริโภคนิยมเลี้ยงสัตว์ตามบ้านจัดสรรเป็นหลัก ก็เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม ต้องการเลี้ยงสัตว์ในคอนโดมิเนียมมากขึ้น สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมเมือง 3.การกระจายบุกหลากทำเลทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากเดิมที่คอนโดสำหรับ Pet Lover มักกระจุกตัวอยู่เฉพาะในเขตเมือง บริษัทได้กระจายไปทั่วทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ครอบคลุมทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน สายสีส้ม สายสีเหลือง ซึ่งเป็นทำเลที่ยังไม่มีคู่แข่ง แต่มีความต้องการสูง

4.ความใส่ใจคัดสรรวัสดุและการออกแบบที่เข้าใจทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ผ่านการวิจัยและความร่วมมือกับพันธมิตร 5.การเลือกพัฒนาโครงการแบบมิกซ์โปรดักท์ กรณีพัฒนาคอนโดมิเนียม Low-rise ที่มีหลายอาคาร จะมีแบ่งบางอาคารเป็นคอนโดสำหรับ Pet Lover และบางอาคารเป็นคอนโดมิเนียมปกติ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคทั้งที่ต้องการเลี้ยงสัตว์และไม่ต้องการเลี้ยงสัตว์สามารถอยู่อาศัยในโครงการทำเลเดียวกันได้ ผ่านการแบ่งอาคารที่ชัดเจนซึ่งเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดโครงการที่พัฒนาจะแบ่ง 30% เป็นส่วนของ Pet Lover และ 70% เป็นที่พักอาศัยปกติ

ทั้งนี้ ปัจจุบันหากนับเฉพาะยูนิตที่เลี้ยงสัตว์ได้ บริษัทจะมีสะสมแล้วถึง 3,550 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าสะสมกว่า 8,700 ล้านบาท โดยสำหรับปี 66 เครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมสำหรับ Pet Lover ทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 13,025 ล้านบาท

นอกจากนี้ สิ่งที่พบหลังบริษัทลุยตลาดคอนโดมิเนียมที่เลี้ยงสัตว์ได้ พบว่า ตัวเลขยอดขายได้รับการตอบรับที่ดีมากกว่าคอนโดมิเนียมแบบปกติ โดยเฉลี่ย 3 เดือน สามารถทำยอดขายได้ถึง 60% แต่หากเป็นคอนโดมิเนียมแบบปกติเฉลี่ย 3 เดือน จะมียอดขายที่ 40%

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันคอนโดมิเนียมในกลุ่ม Pet Lover ของบริษัท มีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ของพอร์ตโดยรวม ซึ่งในอนาคตก็มีแผนที่จะขยายเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายในปี 67 บริษัทก็มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการที่ตอบโจทย์Pet Lover ให้ได้เท่ากับหรือมากกว่าปีนี้ โดยจากการเก็บข้อมูลก็พบด้วยว่า ลูกค้าในกลุ่มนี้จะชอบขนาดห้อง 30 ตารางเมตร (ตร.ม.) ขึ้นไป เนื่องด้วยเป็นพื้นที่ที่สามารถจัดห้องให้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงแสนรักได้ลงตัวที่สุด โดยราคาเฉลี่ยห้องที่ได้รับความสนใจอยู่ที่ 5 ล้านบาท

ด้านนายสมสกุล แสงสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานออกแบบผลิตภัณฑ์ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ ORI กล่าวว่า การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมสำหรับ Pet Lover ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องข้อมูลเชิงลึก หรือ Insight ของทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมา บริษัทจึงได้จัดตั้ง “RED Team By Origin” หรือ Research for Excellent Development Team (ทีมวิจัยเพื่อการพัฒนาที่เป็นเลิศ) ขึ้น โดยเป็นการรวบรวมบุคคลที่เชี่ยวชาญจากหลากหลายฝ่าย ทั้งทีมวิจัยการตลาด ทีมออกแบบ ทีมพัฒนาความยั่งยืนเป็นต้น

มาร่วมกันดำเนินงาน 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1.Customer Experience Design รับผิดชอบด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้เกิดการออกแบบและการบริการที่รองรับกับพฤติกรรมลูกค้าได้อย่างตรงจุด 2.Product Development พัฒนาออกแบบสินค้าออกไปให้มีคุณภาพและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและการบริการที่ครอบคลุม ด้วยการออกแบบที่มีฐานการวิจัยรองรับ

3.Marketing Intelligence วิจัยด้านการตลาด เพื่อหาเทรนด์ใหม่ๆ และอัปเดตความต้องการให้เข้ากับยุคสมัยอย่างต่อเนื่อง 4.Sustainability Development ร่วมพัฒนาเพื่อสังคมและสภาพแวดล้อม ให้ผู้คนได้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี บนความเป็นอยู่ที่ดีและยั่งยืน

สำหรับโปรเจกต์แรกของทีม RED คือการวิจัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสัตว์เลี้ยงและคนรักสัตว์เลี้ยงอย่างสร้างสรรค์ สู่การพัฒนาคอมมูนิตี้ที่ทุกชีวิตอยู่อาศัยร่วมกันอย่างมีความสุข กลายเป็นอาณาจักร Origin Pet Family โดยมีหัวข้อที่ได้ศึกษาและเผยแพร่แล้ว ได้แก่ 1.พฤติกรรมสัตว์เลี้ยง (Pet Behavior) 2.วัสดุ การออกแบบภายใน และพื้นที่ส่วนกลาง (Design) 3.ภูมิทัศน์ของโครงการ (Landscape) และ 4.บริการและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยง (Pet Wellness and Service)

โดยทั้งหมดนำไปสู่การเลือกใช้วัสดุ สิ่งอำนวยความสะดวก และการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยงและผู้เลี้ยง เช่นการเลือกใช้วัสดุพื้นที่ทำความสะอาดได้ง่าย ป้องกันรอยขีดข่วน รองรับกับข้อต่อน้อง ๆ การออกแบบความถี่ของราวระเบียงเพื่อความปลอดภัย การเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลาง อาทิ ประตูกั้นพื้นที่ จุดล้างตัว พื้นที่เล่นแบบเนินโค้ง ลู่วิ่งพื้นยางรองรับข้อต่อ เครื่องเล่นฝึกทักษะ ตลอดจนพันธุ์ไม้ที่เหมาะกับสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ ออริจิ้น ได้มีการออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับน้องแมวที่เรียกว่า “CATSULE” และการออกแบบสำหรับน้องหมาเป็นพื้นที่โล่งกว้างภายนอก จัดตั้งตามส่วนกลางของคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ เพื่อให้เจ้าของได้ใช้ส่วนกลางอย่างไร้ความกังวล อีกทั้งยังช่วยให้สัตว์เลี้ยงได้มีพื้นที่ส่วนตัวระหว่างรอเจ้าของอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมมือกับหลากหลายพันธมิตร เพื่อร่วมกันสร้างระบบนิเวศที่ตอบโจทย์ทุกมิติการใช้ชีวิตของ Origin Pet Family อาทิ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษาโดยคุณหมอและผู้เชี่ยวชาญ ร่วมทำเวิร์คช็อปจัดคอร์สอบรมให้แก่พนักงานนิติบุคคล ยกระดับงานบริการให้สามารถดูแลสัตว์เลี้ยงในโครงการได้อย่างเข้าใจ เพ็ตโตะ แคร์ ในเครือ ออริจิ้น เฮลท์แคร์ ให้บริการอาบน้ำ ตัดขน ตัดเล็บ รวมถึงบริการรับฝากเลี้ยง โซนจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง และของเล่นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรักสัตว์ รวมถึงประกันภัยสัตว์เลี้ยงจาก PRIM ตลอดจนมอบสิทธิพิเศษจากผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์อาหารแมว เบลลอตต้า อาหารสุนัข มาร์โว่ และอาหารสัตว์เลี้ยงสูตรเป็นมิตรต่อไต เชนจเตอร์ และแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยง มองชู โดยหลังจากนี้ บริษัทยังคงมีแผนเดินหน้าพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมสำหรับกลุ่ม Pet Lover อย่างต่อเนื่อง