สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐแถลงข่าว ว่าประเทศบาห์เรนและอิสราเอล “กำลังดำเนินการ” สถาปนาความสัมพันธ์ “ระดับปกติ” ทั้งในด้านการทูตและการค้า ที่รวมถึงการเปิดสถานเอกอัครราชทูต การเปิดเส้นทางบินพาณิชย์ตรงถึงกัน และการริเริ่มกรอบความร่วมมือทั้งการค้า วิทยาศาสตร์ การศึกษา การเกษตร ความมั่นคง และการสาธารณสุข “ถือเป็นวันประวัติศาสตร์”
ขณะเดียวกัน “เบนจามิน เนทันยาฮู” นายกรัฐมนตรีแห่งอิสราเอล แถลงว่าอิสราเอลกำลังจะมีข้อตกลงสันติภาพกับบาห์เรน และยกย่องการตัดสินใจของอีกฝ่าย “คือการเปิดศักราชใหม่แห่งสันติภาพ” ด้านทำเนียบขาวเผยแพร่แถลงการณ์ร่วมในนามรัฐบาลสหรัฐ รัฐบาลอิสราเอล และรัฐบาลบาห์เรน ว่าผู้แทนระดับสูงจากกรุงมานามาจะเดินทางมาลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ที่ทำเนียบขาว ในวันอังคารที่ 15 ก.ย. นี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) จะลงนามในข้อตกลงแบบเดียวกัน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวหมายความว่า บาห์เรนถือเป็นประเทศที่ 4 ในโลกอาหรับ ซึ่งประกาศสถาปนาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับอิสราเอล 1 เดือนต่อจากยูเออี ซึ่งเป็นประเทศที่ 3 ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่วน 2 ประเทศแรกคืออียิปต์ เมื่อปี 2522 ตามด้วยจอร์แดน เมื่อปี 2537
การตัดสินใจของบาห์เรนยังถือเป็น “ความสำเร็จ” ทางการทูตครั้งล่าสุดของรัฐบาลทรัมป์ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. นี้ โดยผู้นำสหรัฐกล่าวด้วยว่า สถานการณ์ในตะวันออกกลาง “ตึงเครียดและวุ่นวายมาก” เมื่อเขาเข้ามารับตำแหน่ง และ “น่าสนใจมาก” ที่เขาประกาศเรื่องนี้ในวันครบรอบ 19 ปี เหตุวินาศกรรม 9/11
ด้านรัฐบาลปาเลสไตน์ประกาศเรียกตัวเอกอัครราชทูตประจำบาห์เรนให้เดินทางกลับทันที และประณามบาห์เรน “ทรยศ” ต่อหลักการสองรัฐ ที่เป็นพื้นฐานของกระบวนการสันติภาพ ส่วนซาอุดีอาระเบีย “ยังไม่มีปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการ”
ทั้งนี้เมื่อวันก่อน “ทรัมป์” ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี 2564 จากการมีส่วนร่วมผลักดัน การสานสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอิสราเอล ซึ่งทำให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นประเทศที่ 3 ในโลกอาหรับ ที่หันมาจับมือกับอิสราเอล
โดยผู้ที่เสนอชื่อทรัมป์ เป็นนักการเมืองฝ่ายขวาของนอร์เวย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยเสนอชื่อผู้นำสหรัฐฯ เข้าชิงรางวัลอันทรงเกียรตินี้มาแล้วเมื่อปี 2561 จากผลงานการผลักดันการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เปิดให้ประมุขแห่งรัฐ นักการเมืองระดับประเทศ อาจารย์มหาวิทยาลัย และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาต่างๆ ร่วมเสนอชื่อบุคคลเพื่อชิงตำแหน่งได้ ซึ่งรายชื่อเจ้าของรางวัลประจำปี 2564 ทางคณะกรรมการจะพิจารณาและประกาศผลในช่วงเดือน ต.ค.2564