ต่างชาติลงทุนในหุ้นไทย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มูลค่า 5.87 ล้านล้านบาท

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สรุปการเปิดพอร์ตการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย ปี 2566

  • ถือหุ้นใน 3 กลุ่มมากสุด
  • เทคโนโลยี กลุ่มบริการ และกลุ่มธุรกิจการเงิน 
  • นักลงทุนจากสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  ได้สรุปการเปิดพอร์ตการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย ปี 2566 โดยระบุว่า  การศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 ของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 795 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 19.26 ล้านล้านบาท หรือ 99.4% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด พบว่า

  ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยมูลค่ารวมกว่า 5.87 ล้านล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 14.95% จากสิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 โดยมูลค่าการถือครองหุ้นคิดเป็น 30.50% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ที่สำคัญจาก 1) การปรับเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในบางหมวดธุรกิจ และ 2)การถือครองหุ้นของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ (new listing companies)

 อุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการ และกลุ่มธุรกิจการเงิน มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 4.08 ล้านล้านบาท คิดเป็น 69.4% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

 หมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) 1,384,202 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) 861,642 ล้านบาท และหมวดธนาคาร (BANK) 828,880 ล้านบาท โดย 3 หมวดธุรกิจนี้มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 3.07 ล้านล้านบาท หรือ 52.34% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

และ   75.2% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเป็นการถือครองหุ้นที่อยู่ในองค์ประกอบของ MSCI Thailand Index เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 72.3%

ส่วนนักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรก พบว่า 9 ใน 10 สัญชาติ เป็นสัญชาติเดียวกันกับปีก่อน แต่มีสลับอันดับ โดย นักลงทุนจากสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด ตามมาด้วยนักลงทุนจากสิงคโปร์ ฮ่องกง สวิสเซอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ มอริเชียสไต้หวัน และฝรั่งเศส ตามอันดับ ขณะที่บริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ อันดับลดลงไปอยู่ที่อันดับที่ 11 จากอันดับ 10 ในปีผ่านมา