ตลาดหุ้นสหรัฐฯ -ดาวโจนส์ปิดติดลบ รอผลประชุมเฟด-ไม่คืบหน้าเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ

  • ทรัมป์ กล่าวหาจีนถ่วงเวลารอผลเลือกตั้งครั้งใหม่
  • หุ้นเทคโนโลยีลงทุนในจีนหวั่นไหวข่าวร่วงระนาว
  • ตลาดรอผลประชุมเฟด-สัญญาญผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่ม

ตลาดหุ้นนิวยอร์กวันแรกของการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) 30 ก.ค.ปิดติดลบเล็กน้อย นักลงทุนชะลอการซื้อขายรอผลการประชุม ขณะที่กังวลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเพื่อยุติสงครามการค้าไม่คืบหน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,198.02 จุด ลดลง 23.33 จุด หรือ -0.09% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท ปิดที่ 8,273.61 จุด ลดลง 19.71 จุด หรือ -0.24% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,013.18 จุด ลดลง 7.79 จุด หรือ -0.26%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนลดความหวังเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตข้อความโจมตีจีนเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลจีนที่ไม่ได้ซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐตามที่ได้ให้สัญญาไว้ และจีนตั้งใจถ่วงเวลาการเจรจาการค้า เพราะไม่ต้องการตกลงกับ “ตัวเขา”

“จีนควรซื้อสินค้าเกษตรของเราตั้งแต่ตอนนี้ แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าพวกเขาจะซื้อ พวกเขาไม่ยอมทำตามสัญญา เจ้าหน้าที่ของผมกำลังเจรจากับพวกเขาในขณะนี้ แต่พวกเขามักเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในท้ายที่สุดเพื่อให้พวกเขาได้เปรียบ
พวกเขาคงกำลังรอผลการเลือกตั้งของเรา เพื่อดูว่านายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตจะชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือไม่ ซึ่งถ้านายไบเดนชนะ จีนก็จะทำข้อตกลงเหมือนอย่างที่เคยทำมาในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา
โดยยังคงเอาเปรียบสหรัฐมากขึ้น และรุนแรงขึ้น แต่ถ้าผมชนะเลือกตั้งในปีหน้า จีนก็จะต้องเผชิญกับการทำข้อตกลงที่ยากลำบากกว่าที่พวกเขากำลังเจรจาในขณะนี้ หรืออาจจะไม่สามารถทำข้อตกลงได้ ตอนนี้เรามีไพ่อยู่ในมือแล้ว ซึ่งผู้นำสหรัฐก่อนหน้านี้ไม่เคยมี”

ทั้งนี้ การทวีตข้อความดังกล่าว เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐฯ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆได้ กำลังเจรจาการค้าครั้งใหม่กับเจ้าหน้าที่จีนที่นครเซี่ยงไฮ้

นอกจากนั้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่เข้าไปลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน โดยหุ้นแอปเปิ้ล ปรับตัวลง 0.4% หุ้นอเมซอนดอทคอม ลดลง 0.7% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 1.1% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 2.03% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.5% หุ้นอินเทล ร่วงลง 1.5% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ลดลง 0.8%

หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ผู้ผลิตเครื่องกีฬาและเสื้อผ้ากีฬารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 12.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.192 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.199 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนั้น หุ้นแคปิตอล วัน ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 5.9% หลังจากทางธนาคารได้ตรวจพบการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ซึ่งรวมถึงตัวเลขประกันสังคม และหมายเลขบัญชีธนาคาร โดยแคปิตอล วัน คาดการณ์ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อทางธนาคารคิดเป็นมูลค่าราว 100-150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้

โดยอีกปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้น คือ ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ แต่มีนักลงทุนอีกจำนวนหนึ่งที่คาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่า 0.25% และแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่มากขึ้น