- ปิดห้างสรรพสินค้า -ตลาดนัด ทั่วกทม. 22 วัน
- ขายได้เฉพาะโซนอาหาร และยาเท่านั้น
- เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการอำนวยการอำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร ที่มีพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน ได้ประชุมร่วมกับตัวแทนจากทุกภาคส่วน อาทิ กรมควบคุมโรค ,กรมสวัสดิการและแรงงาน ,กรมปศุสัตว์ ,โรงพยาบาลในกรุงเทพ เป็นต้น เพื่อระดมความคิด และวางมาตราการรับมือโควิด -19 หลังสถานการณ์แพร่ระบาดขยายวงกว้าง และมีตัวเลขผู้ติดดชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติ ให้ปิดสถานที่ในกทม.เพิ่มเติม คือ ห้างสรรพสินค้า ให้เปิดแค่โซนซุปเปอร์มาเก็ต ,ร้านยา, ร้านขายอาหาร ที่จะให้ซื้อกลับบ้านเท่านั้น ห้ามนั่งกินที่ร้าน ส่วนร้านอาหารในโรงแรม ให้บริการเฉพาะลูกค้าที่เข้าพัก นอกจากนี้ยังให้ปิดตลาดนัดทั้งหมด ให้เหลือแค่ร้านที่ขายของเพื่ออุปโภคบริโภค ของสด ของแห้ง รวมถึงร้านเสริมสวย คลีนิคเสริมความงาม ทั้งนี้การสั่งปิดห้างดังกล่าวนั้น เป็นไปตามมาตรา 35 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ ตั้งแต่ 22 มีนาคม – 12 เมษายน 2563 รวม 22 วัน
“มาตราการที่ออกมาล่าสุดเพื่อเป็นการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ขอเรียนพี่น้องประชาชนไม่ต้องตระหนกตกใจ จนออกไปกักตุนอาหาร เพราะคำสั่งปิดนี้ ยังมีข้อยกเว้นให้สามารถขายอาหาร และสิ่งของดำรงชีพได้อยู่”
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังขอความร่วมมือหน่วยงานเอกชนให้อนุญาตพนักงานทำงานที่บ้าน ส่วนหน่วยงานของรัฐให้ใช้วิธีเหลื่อมเวลาหรือสลับวันการทำงาน ตามความเหมาะสม ส่วนระบบขนส่งมวลชนขอให้จัดเว้นระยะที่นั่งเพื่อลดความแออัดของผู้โดยสาร และขอความร่วมมือประชาชนลดการเดินทางไปในที่มีคนหนาแน่น
“ขอความร่วมมือประชาชนไม่ต้องกักตุนสินค้า ร้านอาหารยังเปิดตามปกติ เพียงแต่ขอให้ปรับรูปแบบเป็นแบบกล่องกลับบ้าน (take away) และซูเปอร์มาร์เก็ต ก็ยังเปิดตามปกติ ร้านสะดวกซื้อให้หมั่นทำความสะอาด มีจุดบริการแอลกอฮอล์บริเวณทางเข้า เพื่อความสะอาด ปลอดภัย”
สำหรับสถานที่เสี่ยงปิดเพิ่มเติม ได้แก่
– สปา นวดเพื่อสุขภาพ
– สถานบริการควบคุมน้ำหนัก
– สปาอาบน้ำ ตัดขนสัตว์
– ลานสเก็ตหรือโรลเลอร์เบรด
– กิจการเสริมสวย และคลินิคเสริมความงาม
– สวนสนุก โบว์ลิ่ง ตู้เกม
– กิจการบริการคอมพิวเตอร์
– สนามกอล์ฟ สนามฝึกซ้อมกอล์ฟ
– สระว่ายน้ำ
– กิจการสักผิว
– กิจการบริการเลี้ยงและดูแลเด็กที่บ้าน
– บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน
– สนามพระ
– สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่
– สถานที่จัดประชุมและนิทรรศการ
– ตลาดทุกประเภท ยกเว้นแผงของสด และแผงค้าที่จำหน่ายอาหารตามความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน
– ห้างสรรพสินค้า ยกเว้นส่วนซูเปอร์มาร์เก็ต
– สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย สถานศึกษารัฐ เอกชน โรงเรียนประจำ โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนสอนศาสนา โรงเรียนกวดวิชาทุกแห่ง
– สถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย บัณฑิตวิทยาลัย ทั้งของรัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันอบรมวิชาชีพทั่วกรุงเทพฯ
