ดีเดย์ 3 พ.ค.นี้ กรมธนารักษ์ จรดปากกาลงนามสัญญาบริหารท่อส่งน้ำภาคตะวันออกกับ “วงษ์สยามก่อสร้าง”​ สัญญา 30 ปี

  • เสนอผลตอบแทนรัฐ 25,693.22 ล้านบาท
  • ราคาขายน้ำดิบ  10.98 บาทต่อหน่วย 
  • ขอให้ “วงษ์สยามก่อสร้าง”​ทำแผนดำเนินการส่งให้กรมธนารักษ์ด้วย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 3 พ.ค.นี้ กรมธนารักษ์ จะจัดให้มีการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก(อีอีซี)กับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด  ณ ห้องประชุมชั้น 8 อาคาร 70 ปี กรมธนารักษ์  

ทั้งนี้กรมธนารัษ์ ได้ทำหนังสือแจ้งเมื่อวันที่ 27 เม.ย.  2565  โดยระบุว่า ตามหนังสือที่อ้างถึงแจ้งว่า คณะกรรมการที่ราชพัสดุ  เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2565  เห็นชอบให้ วงษ์สยามก่อสร้าง เป็นผู้ได้รับสิทธิบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก  สำหรับการลงนามในสัญญาและการชำระเงินต่างๆ กรมธนารักษ์ จะแจ้งให้ทราบต่อไป 

พร้อมกับขอให้บริษัทฯ จัดทำแผนการดำเนินการเกี่ยวข้องการบริหารและดำเนินการท่องส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ของโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบับ (ระยะที่ 2) ที่จะดำเนินการต่อจากผู้บริหารรายเดิม จัดทำแผนผังแสดงการบริหารโครงการในภาพรวมโดยละเอียดนั้น 

สำหรับโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก(อีอีซี) กรมธนารักษ์ได้เปิดประมูล 2 ครั้ง  และมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ระงับการฟ้องร้องเป็นการชั่วคราว แต่ที่สุดศาลปกครอง ได้ยกคำร้อง  ทำให้กรมธนารักษ์ เดินหน้าที่จะลงนามในสัญญากับผู้ชนะประมูล กับ

บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเสนอเงื่อนไขต้องขายน้ำดิบในราคา 10.98 บาทต่อหน่วย ตลอดอายุสัญญา 30 ปี เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐสูงสุดที่ 25,693.22 ล้านบาท

ขณะที่บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์วอเตอร์ ผู้รับสัมปทานเดิม สัญญา 30 ปี ซึ่งสัญญาจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธ.ค.2566 ได้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐ 24,212.88 ล้านบาท ราคาแตกต่างกันกับคู่แข่ง 1,480.34 ล้านบาท ดังนั้นวงษ์สยามจึงเป็นผู้ชนะประมูล