ดาว ชูนวัตกรรมรีไซเคิลขั้นสูง ช่วยไทยลดขยะ เปิดตัวเม็ดโพลิเอทิลีนผลิตด้วยน้ำมันจากขยะพลาสติก ตอกย้ำความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน
- นำขยะพลาสติกที่มีข้อจำกัดในการนำกลับมาใช้ใหม่
- ตั้งเป้าขับเคลื่อนความร่วมมือด้านรีไซเคิลขั้นสูงในไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
- สร้างทางเลือกให้ลูกค้าเพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืน
นายบัมบัง จันดรา รองประธานฝ่ายธุรกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดพิเศษของ Dow เปิดเผยว่า พลาสติกที่รีไซเคิลยาก มักถูกทิ้งลงหลุมฝังกลบอย่างไร้ค่า ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในฐานะที่ Dow มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์คุณภาพสูงที่ส่งเสริมความยั่งยืน เราจึงมีความยินดีที่ได้เปิดตัวเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีนจากกระบวนการรีไซเคิลขั้นสูง ผ่านกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ซึ่งนวัตกรรมนี้ไม่เพียงช่วยให้พันธมิตรของเราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน แต่ยังช่วยแก้ปัญหาขยะพลาสติกได้ในปริมาณมากอีกด้วย”
“หลังจากประสบความสำเร็จในการทดลองผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในปี 2566 Dow กำลังพิจารณาขยายกำลังการผลิตด้วยกระบวนการรีไซเคิลขั้นสูง เพื่อรองรับลูกค้าทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก”
นายเอกสิทธิ์ ลัคนานิธิพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจและพัฒนาธุรกิจคาร์บอนต่ำ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำเพื่อใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบหมุนเวียน ทำให้กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย บรรลุเป้าหมายที่สำคัญ โดยเราเป็นโรงงานผลิตแห่งแรกของ Dow ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ที่ได้รับการรับรองด้านความยั่งยืน International Sustainability and Carbon Certification (ISCC) ในระดับ ISCC PLUS ความสำเร็จนี้เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเราพร้อมที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมพลาสติกในภูมิภาคต่อไป
การเปิดตัวนวัตกรรมเม็ดพลาสติก Circular PE ของ Dow และการพัฒนาขีดความสามารถด้านรีไซเคิลขั้นสูงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สอดคล้องกับการประกาศความร่วมมือกับบริษัท มูรา เทคโนโลยี (Mura Technology) ในการสร้างโรงงานรีไซเคิลขั้นสูงที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ณ เมืองโบเลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อเร็วๆ นี้
การเปิดตัวนี้เป็นไปตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนของ Dow ที่มีความมุ่งมั่นจะเปลี่ยนขยะพลาสติกและวัตถุดิบทางเลือกรูปแบบอื่นๆ มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ ให้ได้ 3 ล้านตันต่อปีภายในปี 2573
