ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นกว่า 300 จุด สินค้าตกแต่งบ้าน -ค้าปลีกทยอยประกาศผลประกอบการแข็งแกร่ง

  • นักลงทุนจับตาายงานการประชุมนโยบายการเงินเฟด หวังเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้น
  • ตลาดขาดรับกำลังซื้อที่ดีขึ้น หลังโลว์ส-ทาร์เก็ต ประกาศผลประกอบการดีกว่าที่คาด
  • สำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ คาดไตรมาสสองเศรษฐกิจสหรัฐโตติดลบ 38%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 28-29 เม.ย. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้อัตราดอกเบี้ย และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ฯ ที่ชัดเจนขึ้น หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ระบุถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจที่มากขึ้น หลังการผ่อนคลายการปิดธุรกิจ และพร้อมใช้มาตรการการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้เศรษฐกิจ และช่วยให้เกิดการฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี

ขณะเดียวกัน สำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญภาวะซบเซาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในไตรมาส 2/2563 จะหดตัว 38% และจะมีคนตกงานมากขึ้น 26 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคาดการณ์ว่า ศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังคลายวิตกเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ขณะที่การจ้างงานจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 3

นอกจากนั้น การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ได้ทำให้ตลาดยืนในแดนบวก โดยหลังจากที่วานนี้ วอลมาร์ท และโฮม ดีโปท์ และโคห์ลส์ คอร์ป ประกาศผลประกอบการดีกว่าที่คาด

วันนี้ บริษัทโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นคู่แข่งของบริษัทโฮม ดีโปท์ อิงค์ ได้เปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาสแรก รวมทั้ง ทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาสแรกเช่นกัน โดยนักลงทุนมองว่า การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จะทำให้การใช้จ่ายกลับมาสูงขึ้น

เช่นเดียวกับ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยนักลงทุนยังคงขานรับข่าวการปรับลดกำลังการผลิตของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน รวมทั้งมุมมองบวกที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากประเทศต่างๆเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์