ดาวโจนส์ เคลื่อนไหวในแดนบวก ตามตลาดน้ำมันที่ดีขึ้น นักลงทุนกังวลว่างงานพุ่ง

  • ความตึงเครียดในอ่าวเปอร์เซีย-ลดกำลังการผลิตทำราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น
  • นักลงทุนยังคงกังวลเศรษฐกิจสหรัฐ-ผลกระทบการระบาดโควิด-19 รุนแรง
  • ตัวเลขการว่างงานพุ่งไม่หยุด 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา แตะ 26.4 ล้านราย

เมื่อเวลาประมาณ 21.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 23,655.35 จุด เพิ่มขึ้น 179.53 จุด+0.76%ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 8,582.20 จุด เพิ่มขึ้น 86.82 จุด หรือ +1.02%
ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 2,828.94 จุด เพิ่มขึ้น 29.63 จุด หรือ +1.00%

ตลาดหุ้นสหรัฐยังมีแรงซื้อ ตามการฟื้นตัวของตลาดน้ำมัน โดยสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 21% โดยได้ปัจจัยหนุนจากความตึงเครียดในอ่าวเปอร์เซีย การลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันและการคาดการณ์ที่ว่าผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐจะลดกำลังการผลิต เพื่อลดการทรุดตัวของราคาน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สะท้อนว่าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรง และตัวเลขการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตในสหรัฐที่แทบจะไม่ลดลงเลย ยังคงรั้งอันดับ 1 ของโลกยังฉุดให้ดัชนีไม่ปรับคัวขึ้นได้มากนัก

นักลงทุนจับตามาตรการเยียวยาธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มูลค่าเฉียด 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะให้การอนุมัติในวันนี้ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านมาตรการดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขคนว่างงานของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสูง ยังคงสะท้อนเศรษฐกิจที่เปราะบาง และสร้างความกังลให้กับนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 4.4 ล้านราย ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.3 ล้านราย

ส่งผลให้จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานรวม 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 26.4 ล้านราย ซึ่งสูงกว่าตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดนับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตการเงิน

เป็นไปในทิศทางดียวกัยจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องได้พุ่งขึ้นสู่ระดับ 15.98 ล้านราย
โดยการพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานมีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจได้พากันปิดกิจการ จากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก