ดาวโจนส์ ปรับลดลงกว่า 120 จุด กังวลผลประกอบการบริษัทเทคโนโลยี -เฟดลดแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ

.นักลงทุนรอดูผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่จะประกาศวันนี้
.ตลาดยังจับตาผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
.นักลงทุนรอฟังสัญญาณทิศทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย และการอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ

เมื่อเวลา 22.15 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 35,014.64 จุด ลดลง 129.67 จุด หรือ -0.37% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่14,597.93 จุด ลดลง 242.79 จุด หรือ -1.64% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,394.10 จุด ลดลง 28.20 จุด หรือ -0.64%

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง แม้บริษัทส่วนใหญ่ในตลาดประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ดีเกินคาด โดยคาดว่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จะประกาศผลประกอบการต่ำกว่าคาด รวมทั้งกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดการกระตุ้นเศรษฐกิจลง

บริษัทยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทรับส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศผลประกอบการดีกว่าทีนักวิเคราะห์คาด โดยบริษัทมีรายได้จากธุรกิจหลักในสหรัฐเพิ่มขึ้น 10.2% ในไตรมาส 2 ส่วนรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศพุ่งขึ้น 30% โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของธุรกิจในยุโรป

ขณะที่เจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) เปิดเผยกำไรอยู่ที่ 5 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.31 เซนต์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 1.828 หมื่นล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.808 หมื่นล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับบริษัท 3M เปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.59 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.29 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ 8.95 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 8.53 พันล้านดอลลาร์

ส่วนบริษัทฮันนีเวลล์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.02 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.94 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ 8.81 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 8.64 พันล้านดอลลาร์

นักลงทุนรอดูผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล ไมโครซอฟท์ และอัลฟาเบท ที่มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการหลังปิดตลาดในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการที่ทางการจีนเข้ามาควบคุมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่

ตลาดยังจับตาคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 27-28 ก.ค.นี้ และรอถ้อยแถลงของ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนมิ.ย. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.1% ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันแล้วที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนออกมาต่ำกว่าคาดการณ์

ขณะที่ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส-ชิลเลอร์ เผยว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วสหรัฐพุ่งขึ้น 16.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 14.8% ในเดือนเม.ย. และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12

ด้านผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะระดับ 129.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 128.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 16 เดือน ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นของชาวอเมริกันต่อเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาอาจส่งผลให้รัฐบาลจำเป็นต้องบังคับใช้ข้อจำกัดบางประการทั้งต่อบุคคลและภาคธุรกิจ