ดาวโจนส์เคลื่อนไหวลดลงกว่า 140 จุด กังวลเศรษฐกิจสหรัฐชะลอ

  • นักลงทุนยังคงขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง หลัง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯยังอยู่ระดับสูง
  • ตลาดกังวลผลกระทบจากดอกเบี้ยสูงต่อการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน
  • ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นกว่าที่คาด ทำนักลงทุนผิดหวัง

เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,764.55 จุด ลดลง
146.35 จุด หรือ -0.44% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่12,041.00 จุด ลดลง 45.27 จุด หรือ -0.37% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,096.18 จุด ลดลง 19.59 จุด หรือ -0.48%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะกระทบต่อต้นทุนการเงินของบริษัทจดทะเบียน และความผิดหวังตัวเลขคนว่างงานที่สูงเกินคาด ทำให้การซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในแดนลบต่ออีกวัน

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นต่อเนื่อง ขานรับผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. และจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี นอกจากนี้ ECB ประกาศยุติการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในสิ้นเดือนมิ.ย. ซึ่งเร็วกว่าที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้

ตลาดยังคงจับตามองทิศทางเศรษฐกิจ หลังจากที่มีการระบุอย่างต่อเนื่องถึงแนวโน้มการถดถอยของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 จะติดลบต่อเนื่อง

นักลงทุนผิดหวังตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าเพิ่มขึ้น 27,000 ราย สู่ระดับ 229,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 210,000 ราย

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวอยู่สูงกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

นักลงทุนยังจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพรุ่งนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นไปได้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว รวมทั้งจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมดังกล่าว รวมทั้งในการประชุมเดือนก.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ