- ตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐานครั้งใหม่ นักลงทุนเทขายหุ้น หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด
- ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 19,000 ราย สูงกว่านักวิเคราะห์คาด
- ตลาดติดตามทิศทางราคาน้ำมัน หลังโอเปกพลัสไม่เพิ่มกำลังการผลิต
เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,153.76 จุด ลดลง 907.30 จุด หรือ -2.66%ดัชนี แนสแด็ก คอมโพซิสเคลื่อนไหวที่ 12,406 .83จุด ลดลง 558.02ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500เคลื่อนไหวที่ 4,169.23จุด ลดลง -130.94 หรือ-3.04
มีแรงซื้อขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไร และลดความเสี่ยง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ เฟดยังเปิดเผยแผนทยอยปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย.
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาทิศทางน้ำมันที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจ โดยสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ทะลุระดับ 109 ดอลลาร์ ขานรับผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสในวันนี้ ซึ่งประชุมมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือนมิ.ย.
แถลงการณ์ระบุว่า โอเปกพลัสจะยังคงเพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงต่อไป
ด้าน ตลาดแรงงานยังอยู่ในทิศทางที่ดี โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 19,000 ราย สู่ระดับ 200,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2564
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 182,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 19,000 ราย สู่ระดับ 1.38 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2513
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ส่วนอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 3.5%
