ดาวโจนส์ยืนแดนบวก เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นกว่า 50 จุด รอผลเฟด

.นักลงทุนจับการผลการกระชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
.นักวิเคราะห์คาด พรุ่งนี้เฟดประกาศลด QE ระลอกแรก 15,000 ล้านดอลลาร์
.ดัชนียังยืนได้ในแดนบวก ท่ามกลางแรงซื้อขายที่ชะลอตัว

เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 35,970.45 จุด เพิ่มขึ้น 56.61 จุด หรือ +0.16% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,638.80 จุด เพิ่มขึ้น 42.88 จุด หรือ +0.27% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,627.16 จุด เพิ่มขึ้น 13.49 จุด หรือ +0.29%

นักลงทุนชะลอการซื้อขายหุ้น จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่เริ่มขึ้นวันนี้และวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่าเฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมครั้งนี้ ก่อนที่จะทยอยลดไปจนจบโครงการในกลางปี 65 ขณะที่เดียวกัน ยังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเวลาเดียวกัน คือประมาณกลางปีหน้า

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา เฟดทำ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในแถลงการณ์หลังการประชุมพรุ่งนี้ เฟดจะประกาศปรับลดวงเงิน QE เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. ซึ่งจะทำให้เฟดยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565

ด้าน FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้ม 50% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมิ.ย.2565 เทียบกับตัวเลขคาดการณ์เพียง 15% ก่อนหน้านี้

ราคาหุ้นของไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2% ในการซื้อขายวันนี้ หลังลดลงแรงในวันก่อนหน้า ขานรับข่าวที่บริษัทประกาศปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ยอดขายวัคซีนต้านโควิด-19 ในปีนี้ขึ้นอีก 7.5% สู่ระดับ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1.2 ล้านล้านบาท จากเดิมที่ระดับ 3.35 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1.1 ล้านล้านบาท โดยขณะนี้ วัคซีนต้านโควิด-19 ได้กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของไฟเซอร์ในประวัติศาสตร์ 172 ปีของบริษัท

ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทเทสลาดิ่งเกือบ 2% ในการซื้อขายวันนี้ หลัจากที่นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลายอมรับว่า ทางบริษัทยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงกับบริษัทเฮิร์ซเพื่อจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 100,000 คัน รวมทั้งการที่บริษัทเรียกคืนรถยนต์จำนวนเกือบ 12,000 คันที่มีการจำหน่ายในสหรัฐนับตั้งแต่ปี 2560 เนื่องจากมีปัญหาของซอฟท์แวร์ซึ่งอาจทำให้ระบบเบรกฉุกเฉินทำงานผิดปกติ