ดาวโจนส์พุ่ง 532 จุด รับเฟดเดินหน้ากระตุ้น เศรษฐกิจ

  • เฟด ระบุคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้น
  • พาวเวลล์ยืนยันว่า เฟดจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • ตลาดยังได้แรงหนุนยารักษาโควิด-19มีผลคืบหน้า

ตลาดหุ้นสหรัฐฯวัที่น29 เม.ย.พุ่งขึ้นอีกครั้ง ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,633.86 จุด เพิ่มขึ้น 532.31 จุด หรือ +2.21% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,939.51 จุด เพิ่มขึ้น 76.12 จุด หรือ +2.66% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 8,914.71 จุด เพิ่มขึ้น 306.98 จุด หรือ+3.57%

นักลงทุนคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% โดยเฟดยืนยันว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ศูนย์ไปจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้น และเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

ขณะเดียวกัน นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ยืนยันว่า เฟดจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น และลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มที่จะฉุดรั้งการจ้างงาน กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ ให้ทรุดตัวลงอย่างหนักในระยะเวลาอันใกล้นี้

นายพาวเวลล์กล่าวด้วยว่า ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐในขณะนี้มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับมาตรการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและสามารถต้านทานผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้ได้

ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากบริษัท Gilead Sciences แถลงว่าได้รับข้อมูลที่น่าพึงพอใจในการใช้ยา remdesivir ซึ่งเป็นยาแอนตี้ไวรัสของบริษัท ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19

โดยเบื้องต้นผู้ป่วยจำนวนอย่างน้อย 50% ที่ได้รับยา remdesivir เป็นเวลา 5 วัน มีอาการดีขึ้น และผู้ป่วยจำนวนมากกว่า 50% ที่ได้รับยา remdesivir สามารถออกจากโรงพยาบาลภายในเวลา 2 สัปดาห์

ผลประกอบการหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลที่ออกมาดี ส่งผลให้ราคาหุ้นทะยานขึ้น 8.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 6.84 พันล้านดอลลาร์ หรือ 9.87 ดอลลาร์/หุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระดับ 6.66 พันล้านดอลลาร์ หรือ 9.50 ดอลลาร์/หุ้น ในไตรมาส 1/2562

ขณะเดียวกัน ยัทำให้กลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 6.17% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 4.5% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 5.2% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 3.28% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 2%

อย่างไรก็ตามหุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ร่วงลง 3.24% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 5 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 8 เซนต์/หุ้น

เช่นเดียวกัยหุ้นยัม แบรนด์ส อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพิซซ่า ฮัท, เคนตั๊กกี ฟรายชิกเก้น (KFC) และทาโก้ เบลล์ ปิดตลาดปรับตัวลง 0.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ดิ่งลง 68.3% สู่ระดับ 83 ล้านดอลลาร์ หรือ 27 เซนต์/หุ้น จากระดับ 262 ล้านดอลลาร์ หรือ 83 เซนต์/หุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

โดยทั้งสองบริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์

ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจรุนแรง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 4.8% ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะหดตัว 3.5%

ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ดิ่งลง 20.8% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน