ดาวโจนส์พุ่งกว่า 250 จุด ตัวเศรษฐกิจดีหนุน – คาดแบงก์แข็ง แกร่งผ่าน Stress Test ฉลุย

.นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้น หลังคลายความวิตกเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีหน้า
.หุ้นธนาคารปรับขึ้น ตลาดคาดการณ์ในเชิงบวกแบงก์ผ่านทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test)
.ตัวเลขเศรษฐกิจกลับมาสดใส ทั้งตลาดแรงงาน -จีดีพี- ยอดสั่งซื้อสินค้า

เมื่อเวลา 22.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,126.40 จุด เพิ่มขึ้น 252.16 จุด หรือ +0.74% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,392.28 จุด เพิ่มขึ้น 120.54 จุด หรือ +0.84% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,267.15 จุด เพิ่มขึ้น 25.31 จุด หรือ +0.60%

นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ให้คำมั่นว่าเฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ตลาดคาดการณ์ในเชิงบวกต่อการประกาศผลทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ประจำปีของภาคธนาคารสหรัฐ (เฟด) หลังจากปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้

โดยเฟดระบุก่อนหน้านี้ว่า ธนาคารที่ผ่านการทดสอบ Stress Test จะสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในระดับปกติ และกลับมาซื้อคืนหุ้นได้อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. แต่หากธนาคารแห่งใดไม่ผ่านการทดสอบ ก็จะต้องรอจนถึงวันที่ 30 ก.ย. และอาจจะเผชิญกับมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารส่วนใหญ่หรือทั้งหมดจะผ่านการทดสอบ Stress Test ดังกล่าว หลังจากที่เฟดได้ออกมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินครั้งใหญ่เข้าสู่ระบบในปีที่แล้วเพื่อพยุงภาคการเงินให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์โควิด-19

ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ แสดงความเชื่อมั่นว่า ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐมีสถานะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะได้รับอนุญาตให้จ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืนได้ ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น

ตัวเลขเศรษฐกิจที่กลับมาแสดงการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น ยังเป็นแรงหนุนตลาดหุ้นวันนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2564 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 6.4% ในไตรมาส 1 ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2
ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า GDP ประจำไตรมาส 2/2564 จะขยายตัว 10%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2563

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 411,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 418,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 380,000 ราย