ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด คลายวิตก “ทรัมป์”อาการดีขึ้น


.ทำเนียบขาวระบุ ทรัมป์อาจได้ออกจากโรงพยาบาลวันนี้ หลังดีขึ้นจากโควิด-19


.ตลาดยังจับตาการดีเบตของคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ 7 ต.ค.นี่

.นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นที่ได้รับผลดีจากการเปิดเศรษฐกิจ

เมื่อเวลา 21.05 น.ตามเวลาประเทศไทย ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวในแดนบวก ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 27,903.01 จุด เพิ่มขึ้น 220.20 จุด หรือ +0.80% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,222.53 จุด เพิ่มขึ้น 147.51 จุด หรือ +1.33% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,378.20 จุด เพิ่มขึ้น 29.76 จุด หรือ +0.89%

ปัจจัยการเมืองยังเป็นปัจจัยที่กดดันการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยล่าสุด นักลงทุนคลายความวิตกต่ออาการป่วยโรคโควิด-19 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาการที่ดีขึ้น จะช่วยลดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้ลงได้ ตลาดยังจับตาการประชันวิสัยทัศน์ของคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ ระหว่างนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน และนางคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในการดีเบตในวันที่ 7 ต.ค.

นายมาร์ก มีโดวส์ หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคณะแพทย์จะทำการหารือกันในวันนี้ หลังประธานาธิบดีมีอาการดีขึ้นเพื่อพิจารณาว่านายทรัมป์จะสามารถออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ได้หรือไม่ หลังจากเข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโควิด-19 อย่างไรก็ดี แม้ว่าปธน.ทรัมป์สามารถออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ แต่เขาจะยังคงถูกกักตัวภายในทำเนียบขาวเพื่อเฝ้าดูอาการต่อไป

ทั้งนี้ ตลาดติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่ในวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งผ่านการอนุมัติของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมจากสภาคองเกรส นอกจากนั้น ยังมีการคาดการณ์กันว่ามาตรการดังกล่าวจะประสบอุปสรรคในวุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ขณะที่นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ แสดงความเห็นคัดค้านมาตรการดังกล่าว

นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นที่ได้รับผลดีจากการเปิดเศรษฐกิจ เนื่องจากก่อนหน้านี้นายทรัมป์ยืนยันว่าจะไม่มีการปิดเศรษฐกิจรอบ 2

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีความวิตกกับการแพร่ระบาดรอบ 2 ของโควิด-19 ในยุโรป ซึ่งอังกฤษและล่าสุดฝรั่งเศส กลับมาใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดด้วยการลดกิจกรรมทางเศรษฐกิจลงอีกครั้ง โดยนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสประกาศยกระดับการเตือนภัยจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกรุงปารีส สู่ระดับสูงสุด และจะมีการบังคับใช้มาตรการอย่างเข้มงวดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ โดยจะมีการปิดบาร์ และร้านอาหารจะต้องดำเนินการรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ พนักงานบริษัทควรทำงานจากที่บ้าน และมหาวิทยาลัยควรเปิดให้นักศึกษาเข้าชั้นเรียนไม่เกิน 50%