ดาวโจนส์พลิกกลับมาปิดบวก 3.12 จุด ขานรับเฟดนิวยอร์กหนุนลดดอกเบี้ย

  • ประธานเฟดนิวยอร์กหนุนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม
  • นักลงทุนคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย 100%สิ้นเดือนนี้
  • ติดตามผลเจรจาการค้าเจ้าหน้าที่จีน-สหรัฐฯ

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก วันที่ 18 ก.ค. พลิกกลับมาปิดบวก หลังจากช่วงเปิดตลาดติดลบ นักลงทุนขานรับนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ที่ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนมีความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ที่ประกาศออกมาไม่ดีเท่าที่ควร

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,222.97 จุด เพิ่มขึ้น 3.12 จุด หรือ +0.01% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,995.11 จุด เพิ่มขึ้น 10.69 จุด หรือ +0.36% และดัชนีแนสแด็กส์ คอมโพซิท ปิดที่ 8,207.24 จุด เพิ่มขึ้น 22.04 จุด หรือ +0.27%

ดัชนีดาวโจนส์กลับขึ้นมาปิดในแดนบวกหลังจากนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว และสร้างความกังวลให้กับหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจ โดยระบุว่า การใช้มาตรการป้องกันเอาไว้ก่อนที่จะเกิดหายนะนั้น ถือเป็นแนวทางที่ดีกว่า และเมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำขณะนี้ สิ่งที่ควรทำก็คือ รีบดำเนินการอย่างรวดเร็ว และเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ยาวนานขึ้น

ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดการเงินคาดการณ์มากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค.

ในการสำรวจล่าสุด พบว่า FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค. โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 65.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 2.25-2.50% และมีโอกาส 34.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 1.75-2.00%

นอกจากนั้น นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ระบุว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีกำหนดโทรคุยกับเจ้าหน้าที่จีน โดยเป็นการสนทนาครั้งที่ 2 ของเรา หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการเจรจาในระดับคณะทำงาน” นายมนูชินกล่าว

นายมนูชินยังระบุว่า หากการเจรจาวันนี้เป็นไปด้วยดี เขาก็คาดหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะเดินทางมาพบกัน เพื่อทำการเจรจาครั้งใหม่ โดยเรื่องของหัวเว่ยไม่ใช่ข้อขัดแย้งหลักของการเจรจา แต่เสริมว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงมีประเด็นที่ซับซ้อนที่ต้องเจรจากันอีกมาก