ดาวโจนส์ปิดร่วง 361จุด ฟิทช์ขู่หั่นเครดิตแบงก์สหรัฐ

.ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 3.17% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

.นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงกดดันเศรษฐกิจ

.ฟิทช์ เรทติ้งส์ ขู่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 15 ส.ค.หลุดระดับ 35,000 จุด ปิดที่ 34,946.39 จุด ลดลง 361.24 จุด หรือ -1.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,437.86 จุด ลดลง 51.86 จุด หรือ -1.16% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,631.05 จุด ลดลง 157.28 จุด หรือ -1.14%

ตลาดหุ้นสหรัฐ ร่วงลงแรง นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา
หลังกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปถึงกลางปีหน้า หลังยอดค้าปลีกยังขยายตัวดี

โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 3.17% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.50% และเมื่อเทียบรายเดือน ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.7% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% โดยแรงหนุนจากยอดขายออนไลน์ในวัน Amazon Prime Day

ด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ ขู่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐหลายแห่ง รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พร้อมกับเตือนว่าหากฟิทช์ทำการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของภาคธนาคารสหรัฐอีกครั้งหนึ่ง สู่ระดับ A+ สิ่งนี้จะส่งผลให้ฟิทช์ต้องทำการประเมินอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารมากกว่า 70 แห่งในสหรัฐ ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารหลายแห่ง ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์ออกมา

ไมเคิล เจมส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Wedbush Securities กล่าวว่า ตลาดถูกกดดันจากข่าวฟิทช์ขู่ลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารหลายแห่งในสหรัฐ รวมทั้งรายงานยอดค้าปลีกที่ออกมาสูงเกินคาด โดยแม้ว่านักลงทุนยังคงให้น้ำหนักเกือบ 90% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนก.ย.หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีก แต่นักลงทุนก็มีความกังวลว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเช่นนี้ต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปัจจุบันนั้น ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี

ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากฟิทช์ขู่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ดิ่งลง 2.55% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.2% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 1.68% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.34%

หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ดิ่งลง 2.3% หลังมีรายงานว่าบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ปรับลดการถือครองหุ้นในจีเอ็ม

หุ้นโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.68% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในเดือนพ.ค.-ก.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 2 ของปีงบการเงินบริษัท อยู่ที่ระดับ 4.65 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.45 ดอลลาร์

นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 25-26 ก.ค.ในวันนี้ รวมทั้งรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์