ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 553 จุด ดัชนียืนเหนือระดับ 25,000 จุด อีกครั้ง

  • นักลงทุนมีความหวังเศรษฐกิจฟื้นหลังคลายล็อกดาวน์
  • หุ้นสายการบิน เรือสำราญ ธนาคารพุ่งแรงหนุนตลาด
  • ความขัดแย้งสหรัฐ-จีนจ่อประทุรอบใหม่ ยังเป็นปัจัยเสี่ยง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 27 พ.ค.ที่ 25,548.27 จุด พุ่งขึ้น 553.16 จุด หรือ +2.21% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,036.13 จุด เพิ่มขึ้น 44.36 จุด หรือ +1.48% ด้านดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 9,412.36 จุด เพิ่มขึ้น 72.14 จุด หรือ +0.77%

ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นมาปิดที่ระดับเหนือ 25,000 จุดได้อีกครั้งเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกว่า เศรษฐกิจสหรัฐและประเทศต่างๆทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทั้งในยุโรป เอเซียและสหรัฐ

โดยขณะนี้ทั้ง 50 รัฐในสหรัฐได้กลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง นายเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสประกาศว่า บริเวณพื้นที่ทานอาหารในร้านภายในศูนย์การค้าและคอร์สเรียนสอนขับรถจะกลับมาเปิดให้บริการ ขณะที่สวนน้ำจะกลับมาเปิดอีกครั้งในวันศุกร์นี้โดยจะรับผู้เข้าใช้บริการ 25% ของความจุปกติ ส่วนกิจกรรมกีฬาเพื่อการสันทนาการสำหรับผู้ใหญ่จะกลับมาเปิดได้ตามปกติในวันอาทิตย์นี้

ทั้งนี้ การทยอยเปิดเศรษฐกิจของประเทศต่างๆเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 3.89% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน เพิ่มขึ้น 2.69% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 7.54% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 3.5% หุ้นเจ็ทบลู พุ่งขึ้น 3.17% หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 3.37%

ส่วนหุ้นในกลุ่มเรือสำราญนั้น หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ทะยานขึ้น 9.54% หุ้นนอร์เวย์เจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้ง พุ่งขึ้น 9.73% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป พุ่งขึ้น 5.9%

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นรับการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 5.79% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ทะยานขึ้น 8.47% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 6.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 7.15% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 7.26% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 6.45%

หุ้นวอลท์ดิสนีย์ ปรับตัวขึ้น 0.47% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะกลับมาเปิดสวนสนุก “Walt Disney World” ในรัฐฟลอริดาอีกครั้งในวันที่ 11 ก.ค.นี้

หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ท พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะกลับมาเปิดสถานกาสิโน 4 แห่งในลาสเวกัส ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งสถานการณ์ในฮ่องกงอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้รายงานต่อสภาคองเกรสสหรัฐว่า ฮ่องกงไม่ได้มีความเป็นอิสระในการปกครองตนเองจากจีนอีกต่อไป โดยการดำเนินการดังกล่าวของนายปอมเปโออาจกระทบต่อสถานะพิเศษของฮ่องกง ซึ่งได้รับการเอื้อประโยชน์ทางการค้ากับสหรัฐ

ขณะที่มีรายงานข่าวว่า สหรัฐกำลังพิจารณาการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่และบริษัทของจีน