ดาวโจนส์ปิดติดลบอีก 1,464 จุด เข้าสู่ภาวะหมี หลังไวรัสโควิด-19 ระบาดทั่วโลก

  • ดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลง 20% จากระดับสูงสุดก่อนหน้า ก้าวสู่ภาวะหมีชัดเจน
  • นักลงทุนผิดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล “ทรัมป์” ล่าช้า
  • ตลาดคาดเฟดลดดอกเบี้ย 0.75-1% ในการประชุม 17-18 มี.ค.นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 11 มี.ค.หลุด 24,000 จุด โดยปิดที่ 23,553.22 จุด ลดลง 1,464.94 จุด หรือ -5.86% โดยในระหว่างวันดัชนีต่ำสุดที่ 1,690 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,741.38 จุด ลดลง 140.85 จุด หรือ-4.89% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 7,952.05 จุด ลดลง 392.20 จุด หรือ -4.70%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งลงอย่างหนักต่อเนื่อง โดยตลาดเข้าสู่ “ภาวะหมี” เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 ซึ่งหมายความว่า ดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลง 20% จากระดับสูงสุดก่อนหน้า

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงอย่างหนักหลังจากองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ออกแถลงการณ์ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 ได้เข้าสู่ภาวะแพร่ระบาดไปทั่วโลก (Pandemic) หลังมีการลุกลามไปมากกว่า 115 ประเทศทั่วโลก และยังมีโอกาสที่จะสูงขึ้นอีก

นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าวว่า “ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนได้เพิ่มขึ้นถึง 13 เท่า และจำนวนประเทศที่ติดเชื้อได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ส่วนในช่วงหลายวันและหลายสัปดาห์ข้างหน้า เราคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต และจำนวนประเทศที่ติดเชื้อจะเพิ่มมากขึ้นอีก”

โดยสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกมากกว่า 115,800 คนและมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 4,200 คน โดยในสหรัฐมีผู้ติดเชื้อ 1,237 คน เสียชีวิต 37 คน ใน 41 รัฐซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตลาดยังได้รับแรงกดดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ล่าช้า โดยเจ้าหน้าที่ยังให้ข่าวที่ไม่ตรงกัน โดยนักลงทุนคาดว่า ผลกระทบต่อไวรัสโควิด -19 จะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่วิกฤต

หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 18.15% จะขอเบิกเงินกู้เพิ่มก่อนกำหนด เพื่อใช้ในการเสริมสภาพคล่อง หุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 3.47% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร่วงลง 6.9% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 6.7% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 7.5% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ปรับตัวลง 5.4% หุ้นเชฟรอน ลดลง 2.3% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ดิ่งลง 9.9% หุ้นไฟเซอร์ ร่วงลง 7% หุ้นไมโครซอฟต์ ลดลง 4.5% หุ้นไนกี้ ดิ่งลง 4.9%

หุ้นวอลมาร์ท ดิ่งลง 4.5% หลังจากมีรายงานว่า พนักงานคนหนึ่งของห้างวอลมาร์ทในรัฐเคนตักกี้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้ม 55.7% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมครั้งนี้ จากระดับ 1.00-1.25% สู่ระดับ 0.00-0.25% และมีแนวโน้ม 44.3% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 0.25-0.50%