.เฟดสาขาแอตแลนตาเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส
.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งทะลุ3% กดดันบรรยากาศซื้อขาย
.นักลงทุนขายหุ้นลดความเสี่ยงต่อเนื่อง จับตาเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 8 มิ.ย.ที่ 32,910.90 จุด ลดลง 269.24 จุด หรือ -0.81%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,115.77 จุด ลดลง 44.91 จุด หรือ -1.08% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 12,086.27 จุด ลดลง 88.96 จุด หรือ -0.73%
นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะถดถอย จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นเหนือระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 3%
เฟดสาขาแอตแลนตาเปิดเผยว่า แบบจำลอง GDPNow Tracker บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส ซึ่งจะเข้าเกณฑ์การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 0.9% ในไตรมาส 2 หลังจากหดตัวลง 1.5% ในไตรมาส 1 ทำให้สหรัฐมีความเสี่ยงสูงที่เศรษฐกิจจะหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 3.016% กดดันให้บริษัทเอกชนจำนวนหนึ่งเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งนักลงทุนกังวลว่า จะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุนและลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
มีแรงเทขายหุ้นออกมาแทบทุกกลุ่ม นำโดนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 2.43% โดยหุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ร่วงลง 2.69% หุ้นอเมริกัน เรียลตี้ อินเวสเตอร์ส ดิ่งลง 7.39% หุ้นอาร์มาดา ฮอฟเฟอร์ พร็อพเพอร์ตีส์ ร่วงลง 1.28%
ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุดิ่งลง 2.1% โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 2.74% หุ้นนูคอร์ ร่วงลง 2.93% หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป ดิ่งลง 5.78% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ร่วงลง 3.62%
หุ้นอินเทล ร่วงลง 5.28% หลังจากนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นอินเทลเป็นครั้งที่ 2 ภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ โดยระบุว่าความต้องการคอมพิวเตอร์พีซีกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 2 ของอินเทล
การประเมินดังกล่าวของซิตี้กรุ๊ปได้ฉุดหุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่น ๆ ดิ่งลงด้วย โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 3.05% หุ้นไอบีเอ็ม ร่วงลง 1.37% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.77% หุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 1.45%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นทะลุระดับ 122 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.18% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.52% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.03%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะเพิ่มขึ้น 8.2% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 8.3%
รวมทั้ง การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมดังกล่าว รวมทั้งในการประชุมเดือนก.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
