.นักวิเคราะห์คาดเฟดเปลี่ยนใช้ “เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย” ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม
.เฟดเอ็กซ์ เผยกำไรและรายได้พุ่งขึ้นเกินคาด หนุนแรงซื้อส่งตลาดปรับสู่แดนบวก
.ตลาดผิดหวังยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค.ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
เมื่อเวลา 21.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นวันที่ 3 โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 28,105.22 จุด เพิ่มขึ้น 109.62 จุด หรือ +0.39% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,230.34 จุด เพิ่มขึ้น
+40.01 จุด หรือ +0.36% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,415.28 จุด เพิ่มขึ้น 14.08 จุด หรือ +0.41%
นักลงทุนติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งประชุมวันนี้เป็นวันที่ 2 และจะมีการแถลงผลประชุมในช่วงเช้าของวัันพฤหัสตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ที่ประชุมเฟดจะให้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับ “เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย” ซึ่งจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิม เพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐได้มากขึ้น และคาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปอีกระยะ รวมทั้งออกมาตรการเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวในระยะต่อไป
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามผลประกอบการบริษัทในตลาด โดยมีความคาดหวังว่าผลประกอบการจะดีขึ้น หลังเฟดเอ็กซ์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ออกมาดีเกินคาด โดย ได้เปิดเผยกำไรและรายได้พุ่งขึ้นเกินคาดในช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค. ซึ่งเป็นไตรมาสแรกของปีงบการเงินบริษัท โดย รายงานกำไรที่ระดับ 4.87 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.69 ดอลลาร์/หุ้น
ทั้งนี้ เฟดเอ็กซ์ได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ประชาชนจำนวนมากอยู่แต่ในบ้าน และหันมาใช้บริการของทางบริษัท
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจที่เปิดเผยวันนี้ ยังแสดงถึงความล่าช้าในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.1% หลังจากทะยานขึ้น 1.2% ในเดือนก.ค. นอกจากนั้น ยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ลดลง 0.1% ในเดือนส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่า ยอดค้าปลีกพื้นฐานจะเพิ่มขึ้น 0.5%
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้เพิ่มความหวังและความวิตกในขณะเดียวกันอีกครั้งเกี่ยวกับการอนุมัติใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 โดยให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของวัคซีนดังกล่าว ว่าอาจพร้อมใช้งานได้ภายใน 4 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตวัคซีนมองว่ากรณีดังกล่าวเกิดขึ้นได้ยาก
เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของสหรัฐแสดงความกังวลว่า ทำเนียบขาวกำลังกดดันให้องค์การอาหารและยา (FDA) เร่งอนุมัติการใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ขณะที่บรรดาบริษัทที่พัฒนาวัคซีนดัง ระบุร่วมกันว่า พวกเขาจะไม่เร่งการส่งมอบวัคซีนจนกว่าจะได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดทั้งในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
