ดัชนีดาวโจนส์แกว่งตัว ลุ้นใกล้เวลาเฟดลดดอกเบี้ย

  • เล่นเก็งกำไรผลประกอบการกลุ่ม FANG
  • จับตาปัจจัยเสี่ยง “ตะวันออกกลาง” ร้อนระอุ
  • ขณะที่ข่าวดีงบประมาณปีนี้อาจะไม่มี “ซัตดาวน์”

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวแคบๆ ในแดนบวกและลบ รอการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยยังคาดว่า เฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ขณะที่นักลงทุนยังเล่นตามผลประกอบการบริษัทขนาดใหญ่ที่ทยอยประกาศออกมา

เมื่อเวลาประมาณ 21.40 น.ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจน์ เปิดตลาดวันแรกของสัปดาห์ แทบไม่เคลื่อนไหว โดยอยู่ที่ 27,132.15 จุด ติดลบ -22.05 จุด หรือ -0.08% ขณะที่ดัชนีแนสแด็กส์ คอมโพซิท เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,197.61 จุด เพิ่มขึ้น +51.12 จุด หรือ บวกเพิ่มขึ้น 0.63% ด้านดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ 2,981.48 จุด เพิ่มขึ้น +4.87 จุด เพิ่มขึ้น +0.16%

อย่างไรก็ตาม มีข่าวดีว่า ทำเนียบขาวและสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสใกล้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับงบประมาณแล้ว ซึ่งจะทำให้มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐเป็นเวลา 2 ปี

โดยคาดว่า การผ่านกฎหมายงบประมาณรายจ่ายฉบับใหม่ และเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ จะเกิดขึ้นก่อนที่สภาจะปิดสมัยประชุมภาคฤดูร้อนในวันที่ 26 ก.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ครั้งใหม่

ทั้งนี้ แม้ว่านายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ซึ่งส่งสัญญาณว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ แต่นักลงทุนลด ยังมีความหวังประมาณ 25% ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนนี้

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังเล่นหุ้นในลักษณะการเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมา โดย บริษัทมากกว่า 25% ในดัชนี S&P 500 จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทในกลุ่ม FANG ซึ่งได้แก่ เฟซบุ๊ก อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล รวมทั้งแมคโดนัลด์ และโบอิ้ง

ขณะนี้ บริษัทจำนวนมากกว่า 15% ของดัชนี S&P 500 ได้ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งในจำนวนดังกล่าว ราว 79% ได้รายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าคาด

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะมีผลประกอบการลดลง 3% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงของผลประกอบการรายไตรมาสครั้งแรกในรอบ 3 ปี

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังเป็นตัวหนุนตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาราคาน้ำมันและหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์ที่อิหร่านยึดเรือน้ำมัน ในช่องแคบเฮอร์มุช