ดัชนีดาวโจนส์ลดลงกว่า 80 จุด พักฐานหลังทำสถิติสูงสุดใหม่

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เจอแรงขายทำกำไร ส่งผลดัชนีชะลอตัว ดาวโจนส์ติดลบ หลังทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์วานนี้

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯเข้าสู่ช่วงพักฐาน หลังเจอนักลงทุนส่งแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว
  • นักลงทุนกลับมากังวลดอกเบี้ยสูงนาน หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯพุ่งต่อเนื่อง
  • FedWatch Tool ชี้ นักลงทุนส่วนหนึ่งเริ่มมองเฟดเลื่อนลดดอกเบรี้ยครั้งแรกไปเดือน พ.ค.

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 37,916.95 จุด ลดลง  84.86 จุด หรือ 0.22%  ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,854.66 จุด เพิ่มขึ้น  4.23 จุด หรือ 0.09% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่ 15,389.44 จุด เพิ่มขึ้น  29.16 จุด หรือ 0.19% 

นักลงทุนกลับมากังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวเหนือระดับ 4.1% โดยคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ในเดือนพ.ค. จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.

อย่่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) และราคาหุ้นของบริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ดีดตัวขึ้น หลังเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาด

นักลงทุนเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.

การเปลี่ยนแปลงคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้น หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด และเจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 30-31 ม.ค. และให้น้ำหนัก 56.5% ที่เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. โดยนักลงทุนให้น้ำหนัก 52.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 31 เม.ย.-1 พ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 17.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ตลาดจับตาตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2566 ในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ เนื่องจากจะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากเจ้าหน้าที่เฟดในขณะนี้ โดยเฟดเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 30-31 ม.ค.