ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วง 232 จุด หวั่นเฟดขึ้นดอกเบี้ยไม่หยุด

.นักลงทุนยกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้น

.แบงก์ ออฟ อเมริกา คาด เฟดขึ้นดอกเบี้ยจนใกล้แตะระดับ 6%

.ตลาดติดตามภาวะเศรษฐกิจ-ผลประกอบการบริษัท หวั่นได้รับผลกระทบ

ชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 28ก.พ.ที่ระดับ 32,656.70 จุด ร่วงลง 232.39 จุด หรือ -0.71%ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,970.15 จุด ลดลง 12.09 จุด หรือ -0.30% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิสปิดที่ 11,455.54 จุด ลดลง 11.44 จุด หรือ -0.10%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯกลับมาร่วงต่อ หลังมีแรงซื้อกลับในช่วงสั้นๆ แต่ทนแรงขายไม่ได้ นักลงทุนยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้น โดยสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด (Fed Fund Futures) บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. ซึ่งหมายความว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดของเฟดจะอยู่ที่ 5.4% ภายในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 4.75%

ยิ่งไปกว่านั้น แบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบอล รีเสิร์ชยังคงคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนใกล้แตะระดับ 6%

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือนใกล้ 4.0% เมื่อคืนนี้ โดยการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี

ดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 1.75% และดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 1.44%

อย่างไรก็ตาม หุ้นทาร์เก็ตซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 1.01% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ระดับ 1.89 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.40 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 3.14 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.07 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 3.19% หลังจากนายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเมตาประกาศจัดตั้งทีมงานเพื่อดูแลการสร้างสรรค์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชุดใหม่สำหรับการใช้งานบนโซเชียลมีเดียในเครือของเมตา โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่และบริษัทสตาร์ตอัปต่างประกาศความคืบหน้าในด้านเทคโนโลยี AI และรวมเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ากับผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่มีต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐ ก่อนที่จะมีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์หน้า