“ฐิติภูมิ โชควัฒนา” ทายาทบิ๊กเครือสหพัฒน์ เปิดเกมรุก บุกธุรกิจร้านทอง

  • คิกออฟ “ห้างทองกลมเกลียว” สาขาแรก ที่สาธุประดิษฐ์58
  • ชูโมเดลห้างทองเพื่อชุมชน
  • เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยเป็นเจ้าของทอง

นายฐิติภูมิ โชควัฒนาประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีเค ไพรเมรี่ จำกัด กล่าวว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ประเภทสินทรัพย์ปลอดภัย คนส่วนใหญ่จึงนิยมซื้อเพื่อเก็บออมหรือลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจสูง เช่น เงินเฟ้อ เงินฝืด หรือเกิดวิกฤตต่าง ๆ ส่งผลให้ธุรกิจร้านทองมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งตนเองมีความสนใจในธุรกิจร้านทองเป็นทุนเดิม และมีประสบการณ์จากการเปิดบริษัทรับทำบัญชีและวางแผนภาษีให้กับร้านทองทั่วประเทศ จึงได้เปิดบริษัท ทีเค ไพรเมรี่ จำกัดขึ้น เพื่อดำเนินธุรกิจ“ห้างทองกลมเกลียว”โดยมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจร้านทองมาเสริมทัพด้วย

“ที่มาของชื่อห้างทองกลมเกลียว ส่วนหนึ่งมาจากคำว่าเครือสหพัฒน์ ซึ่ง “สห” หมายถึงการร่วมกันที่ต้องมีความกลมเกลียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตระกูลโชควัฒนายึดมั่น อีกส่วนหนึ่งมาจากความต้องการให้ทีมงานของห้างทองของเรามีความสามัคคีกัน และต้องการให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนบ้านที่มีความกลมเกลียวกัน มีความใส่ใจที่จะมอบสินค้าและบริการที่ดีให้กับชุมชนรอบข้าง” นายฐิติภูมิ กล่าว  

สำหรับห้างทองกลมเกลียวสาขาแรก เปิดให้บริการเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีเกินเป้าหมาย โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ ผู้ที่อาศัยอยู่ในซอยสาธุประดิษฐ์ 58 และบริเวณใกล้เคียง ซึ่งส่วนใหญ่รู้จักชื่อเสียงของเครือสหพัฒน์ จึงมั่นใจที่จะมาใช้บริการ  

นายฐิติภูมิ กล่าวว่า ทองคำเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง การทำธุรกิจร้านทองจึงต้องได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ยิ่งร้านทองที่มีบริการออมทองยิ่งต้องได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากขึ้น การที่ทายาทเครือสหพัฒน์มาเปิดร้านทอง จึงทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นที่จะมาใช้บริการ นอกจากนี้ การที่ห้างทองกลมเกลียวเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยเป็นเจ้าของทองง่ายขึ้นด้วยบริการออมทองเพียง 100 บาทต่อครั้ง ขั้นต่ำเดือนละครั้ง ก็ยิ่งทำให้มีผู้มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก 

โดยบริการออมทองของห้างทองกลมเกลียว จะให้ลูกค้าสะสมเงินจนครบตามราคาทองที่ลูกค้าต้องการ เมื่อครบแล้วสามารถแจ้งให้แปลงมูลค่าเงินเป็นน้ำหนักทอง ณ วันที่ตัดออม และรับทองได้ทันที 

“การตอบรับที่ดีจากสาขาแรก ทำให้เราวางแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 1 สาขาในปี 2566 และเปิดอีก 2 สาขาในปี 2567 โดยจะยึดทำเลย่านสาธุประดิษฐ์ – พระราม 3 เป็นหลัก นอกจากนี้ เรากำลังพัฒนาแอปพลิเคชันที่เป็นเครื่องมือให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น โดยลูกค้าที่ออมทองสามารถดูประวัติการออม และจำนวนเงินที่สะสมได้ และเฟสต่อไปจะพัฒนาแอปให้ลูกค้าสามารถแปลงเงินออมเป็นน้ำหนักทองได้ด้วยตนเอง รวมทั้งซื้อ ขาย หรือจองทอง ผ่านแอปได้ด้วย โดยจะเปิดใช้งานปลายเดือนมิถุนายนนี้” นายฐิติภูมิ กล่าว